ขับรถอยู่ดี ๆ เพิ่งมาสังเกตเห็นว่าน้ำมันรถยนต์เหลือขีดสุดท้ายแล้ว แต่ก็จำเป็นต้องวิ่งต่อไปเพื่อให้ถึงจุดหมาย เคราะห์ร้ายก็คือน้ำมันเจ้ากรรมดันหมดระหว่างทางขึ้นมาจริง ๆ นี่แหละ คือปัญหาที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะต้องเจอ
คำถามก็คือ เมื่อเจอกับปัญหาน้ำมันหมด แล้วจะต้องรับมือและมีวิธีแก้ไขอย่างไร บทความคาร์แทรคตอนนี้ก็มีคำตอบมาบอก รวมถึงมีเครื่องมือดี ๆ อย่างเซนเซอร์น้ำมันที่ช่วยให้การวางแผนการใช้น้ำมัน และควบคุมต้นทุนน้ำมัน แถมยังลดการทุจริตหรือขโมยน้ำมันมาฝากด้วย
เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์รถยนต์น้ำมันหมดระหว่างทาง แน่นอนว่าคงจะทำให้รู้สึกตกใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเรามีวิธีการรับมือเมื่อรถน้ำมันหมดมาแนะนำกัน ดังนี้
หากคุณพบว่าน้ำมันรถกำลังจะหมด หลังจากมีสัญญาณเตือน ให้คุณค่อย ๆ ประคองรถหาที่หลบข้างทางที่ปลอดภัยมากที่สุด ไม่ควรจอดไว้กลางสี่แยกหรือบริเวณทางสัญจรของรถคันอื่น เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ง่าย
แต่ถ้าหากรถของคุณดับลงระหว่างการขับขี่หลังจากน้ำมันรถหมดเกลี้ยงแล้ว ให้คุณเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อเป็นสัญญาณว่ารถของคุณกำลังมีปัญหา
เมื่อคุณสามารถหาที่จอดที่ปลอดภัยได้แล้ว ขั้นตอนต่อมาคือ ขอความช่วยเหลือจากผู้คนรอบข้าง เพื่อขอคำแนะนำหรือสอบถามว่าคุณจะหาปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงใกล้ ๆ ได้ที่ไหน หรือหาปั๊มน้ำมันบริเวณใกล้เคียง เพื่อซื้อน้ำมันมาเติม
วิธีนี้เป็นวิธีรับมือในกรณีที่ละแวกใกล้เคียงนั้นไม่มีใครสามารถช่วยคุณได้ ซึ่งคุณอาจจะโทรแจ้งขอความช่วยเหลือไปกับสถานีวิทยุจราจรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น จส.100 หรือ สวพ.91 เพื่อแจ้งเหตุเกี่ยวกับรถของคุณ ซึ่งทางวิทยุจะมีการแจ้งไปยังปั๊มน้ำมันหรือศูนย์บริการรถยนต์ใกล้เคียงที่จะสามารถมาให้ความช่วยเหลือคุณได้
ให้คุณลองค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับผู้ให้บริการรถลากในละแวกใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นศูนย์บริการ อู่ หรือโชว์รูมรถยนต์ต่าง ๆ รวมไปถึงปั๊มน้ำมัน ที่จะสามารถให้ความช่วยเหลือ ส่งรถลากมาลากรถยนต์ของคุณไปยังปั๊มน้ำมัน
วิธีเหล่านี้จะช่วยรับมือเมื่อเกิดปัญหาน้ำมันหมดระหว่างทางได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรปล่อยให้น้ำมันหมดบ่อย ๆ เพราะนั่นอาจก่อให้เกิดผลเสียกับเครื่องยนต์ได้ ทางที่ดีควรหมั่นตรวจเช็กน้ำมันรถ และเติมน้ำมันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอจะดีกว่า
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้กับตัวคุณ มีวิธีไหนบ้างที่จะป้องกันน้ำมันหมดระหว่างทางได้ ต้องบอกเลยว่าทำตามได้ไม่ยากแน่นอน
ปกติโดยทั่วไป รถยนต์จะมีสัญญาณเตือนน้ำมันหมดอย่างน้อยเมื่อน้ำมันเหลือ 10 ลิตร ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะชะล่าใจกับการที่ระบบเตือนและยังไม่ยอมเติมน้ำมัน
ซึ่งถือเป็นค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง เพราะคุณไม่สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ข้างหน้าได้ว่า รถของคุณจะต้องใช้น้ำมันอีกเท่าไหร่ เส้นทางที่เราวิ่งอยู่จะใช้เวลาและระยะทางเท่าเดิมเหมือนทุก ๆ ครั้งหรือไม่ เพราะด้วยการจราจรที่ติดขัด อาจทำให้รถของคุณต้องสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าเดิม
เพราะฉะนั้นทางที่ดีเมื่อสัญญาณเตือนแล้ว คุณควรหาปั๊มน้ำมันใกล้เคียงเพื่อเติมน้ำมันไว้ก่อน อย่างน้อยก็จะทำให้รู้สึกอุ่นใจได้ว่า น้ำมันรถจะไม่หมดระหว่างทางอย่างแน่นอน
การเร่งเครื่องยนต์ผิดวิธี เช่น เร่งคันเร่งทันทีทันใด หรือเร่งเครื่องยนต์บ่อย ๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถยนต์ของคุณเปลืองน้ำมัน และทำให้น้ำมันหมดเร็ว เพราะฉะนั้นควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่เพื่อเซฟพลังงานน้ำมันให้กับเครื่องยนต์ของคุณมากที่สุด
เครื่องปรับอากาศในรถยนต์ถือเป็นปัจจัยอีกอย่างที่ทำให้รถยนต์ของคุณใช้พลังงานน้ำมันมากขึ้น โดยการปิดเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ 30 – 40 นาที จะทำให้คุณสามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 10-20%
ทั้งนี้ก็อยู่ที่ว่าสภาพอากาศด้านนอกตัวรถนั้นเอื้อต่อการเปิดหน้าต่างรับลมมากแค่ไหน เพราะด้วยฝุ่นละอองและ PM 2.5 ทุกวันนี้ อาจจะไม่เป็นการดีเท่าไหร่ที่คุณจะต้องปิดเครื่องปรับอากาศและเปิดอากาศรับลมด้านนอกแทน
ในกรณีที่คุณต้องเดินทางไกล และไม่มั่นใจว่าระหว่างทางนั้นจะมีปั๊มน้ำมันไว้บริการคุณหรือไม่ ดังนั้นคุณควรพกแกลลอนน้ำมันสำรอง เอาไว้ในรถยนต์ของคุณเสมอ เพื่อจะได้นำมาใช้เติมได้หากน้ำมันรถใกล้หมด และบริเวณใกล้เคียงไม่มีปั๊มน้ำมันอยู่เลย
เพราะฉะนั้นใครที่ต้องเดินทางไกล หรือเดินทางไปบนเส้นทางที่ไม่ค่อยมีปั๊มน้ำมันมากนัก ก็อย่าลืมพกน้ำมันสำรองติดรถกันไว้ด้วย
การติดตั้งเซนเซอร์น้ำมันที่มาพร้อมระบบจัดการน้ำมัน นอกจากจะช่วยวัดปริมาณน้ำมัน ตรวจสอบว่าน้ำมันที่ใช้และเติมสัมพันธ์กันหรือไม่แล้ว เซนเซอร์นี้ยังช่วยให้เจ้าของรถหรือเจ้าของธุรกิจวางแผนการใช้น้ำมันได้อีกด้วย
โดยเฉพาะรถที่ต้องเดินทางระยะไกล เช่น รถยนต์ รถบรรทุก รถกระบะตู้ทึบ รถตู้ ฯลฯ ที่ใช้ในธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ รถขนส่งสินค้า รถเช่า หรือรถที่ให้บริการตามบ้าน ข้อมูลที่ได้จากเซนเซอร์น้ำมันจะทำให้คุณวางแผนการใช้น้ำมันได้ดีขึ้น และจัดทำต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น
เชื่อได้ว่าหลายคนที่รู้วิธีแก้ไขและป้องกันแล้ว ก็จะสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้รถยนต์ของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คงไม่มีใครอยากที่จะเห็นรถยนต์ของตัวเองดับกลางทางอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม บำรุงเครื่องยนต์เพิ่มเติม เนื่องด้วยความเสียหายที่เกิดขึ้นอีกด้วย
เพราะฉะนั้นทางที่ดีควรหมั่นตรวจเช็กปริมาณน้ำมันรถอยู่เสมอ เพื่อการขับขี่ที่ต่อเนื่องและปลอดภัย หรือถ้าคุณต้องการเพิ่มความสะดวกปลอดภัยให้กับการใช้รถใช้ถนนมากกว่าเดิม ก็ควรติด GPS ติดรถเอาไว้เป็นตัวช่วย
ซึ่งนอกจาก GPS ติดรถยนต์จะติดตามตำแหน่งรถแบบมีความเสถียรสูง แจ้งเตือนเหตุการณ์ที่เกิดกับรถแบบ Event Based แล้ว ยังทำงานร่วมกับเซนเซอร์น้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อช่วยแจ้งเตือนน้ำมันหมด ป้องกันรถหาย และวางแผนการใช้งานรถได้ดีขึ้นอีกด้วย
หากสนใจติดตั้ง GPS รถยนต์ ราคาคุ้มค่า หรืออยากสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับระบบจัดการน้ำมันและเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันเพิ่มเติม สามารถโทรสอบถามเจ้าหน้าที่ได้โดยตรงที่ 02-136-2920 , 02-136-2921 ได้ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.30 น. หรือกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มด้านบน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด
พิเศษ! ติดตั้งวันนี้ ฟรีค่าติดตั้งและค่าอุปกรณ์ GPS จ่ายเพียงค่าบริการ พร้อมโปรโมชันสำหรับลูกค้าคนสำคัญเช่นคุณ รับเลยทันที โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดรถยนต์ รถตู้ รถกระบะ GPS ติดตามรถบรรทุก จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง 12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ติดตาม CARTRACK (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที
น้ำมันหมดระหว่างเดินทาง เป็นเรื่องที่มีใครอยากพบเจอ แต่หากเราพลาดหรือไม่ได้เตรียมพร้อมก่อนออกเดินทาง จะมีวิธีรับมืออย่างไร? เซนเซอร์น้ำมันช่วยป้องกันได้ไหม