BLOGS

วิธีปฏิบัติเมื่อเด็กน้อยติดอยู่ในรถยนต์

คุณต้องการให้ คาร์แทรค ช่วยเหลือเรื่องอะไร?

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

เหตุฉุกเฉินต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับรถ อาจจะเกิดกับตัวคุณได้ทุกเมื่อ ดังนั้น ผู้ใช้รถจึงควรมาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในทุกเรื่องๆ ทั้งที่เคยพบเจอมาแล้วหรือยังไม่เคยพบเจอ เพื่อให้เกิดวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ถูกต้องและเหมาะสมซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะกับสถานการณ์เมื่อมี เด็กติดอยู่ในรถ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่อาจจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้พบเห็นได้ หากแก้ไขปัญหาได้ไม่ดี หรือไม่ทันเวลา อาจจะทำให้เด็กน้อยเสียชีวิตกันได้เลยทีเดียว วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า หากคุณต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เด็กติดในรถยนต์ ควรปฏิบัติอย่างไรบ้าง

ขั้นตอนที่ 1

ตั้งสติให้ดี

ท่องเอาไว้เป็นอย่างแรกเลยว่า หากคุณต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ดังกล่าวให้คุณตั้งสติให้ดีก่อน เพราะถ้าคุณไม่มีสติ ก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะต่างๆ ได้ ทำให้อาจจะเกิดความสูญเสียตามมา ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่พบว่าเด็กติดอยู่ในรถ ให้ตั้งสติให้ดีก่อนเป็นลำดับแรก แล้ววิธีการแก้ปัญหาต่างๆ ก็จะค่อยๆ ตามมานั่นเอง

ขั้นตอนที่ 2

ทุบกระจกเพื่อนำตัวเด็กออกมาให้เร็วที่สุด

ในกรณีที่คุณไม่อาจรู้ได้ว่าเด็กน้อยที่ติดอยู่ในรถยนต์นั้น ติดอยู่นานมากแค่ไหนแล้ว ทำให้จำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือเด็กให้เร็วที่สุดก่อน เพราะสาเหตุหลักที่เด็กเสียชีวิตนั้น ไม่ใช่เพราะเด็กขาดอากาศหายใจจากการติดอยู่ในรถยนต์ แต่เสียชีวิตจากการที่อากาศภายในรถนั้นมีอุณหภูมิที่สูงมาก ทำให้ร่างกายเด็กเกิดความอ่อนแอลง นานเข้าร่างกายก็อาจจะขาดน้ำ ส่งผลให้อวัยวะต่างๆ หยุดทำงานและเสียชีวิตได้

ดังนั้น เมื่อคุณพบเด็กติดในรถยนต์ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพที่ยังตื่นหรือหลับอยู่ คุณจะต้องทุบกระจกด้านที่ห่างไกลตัวเด็ก เพื่อไม่ให้เศษกระจกโดนตัวเด็ก และช่วยเด็กออกมาให้เร็วที่สุด

ขั้นตอนที่ 3

นำเด็กนอนบนพื้นราบบริเวณที่อากาศปลอดโปร่ง

เมื่อนำเด็กติดในรถออกมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ ให้คุณนำตัวเด็กไปนอนบนพื้นราบบริเวณที่อากาศปลอดโปร่ง เพื่อให้ร่างกายของเด็กได้รับออกซิเจนแลกเปลี่ยนเข้าร่างกายในปริมาณที่เพียงพอ โดยก่อนหน้าที่คุณจะนำตัวเด็กออกมานั้น ต้องเช็คให้ดีก่อนว่า เด็กมีอาการบาดเจ็บจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วหากคุณเคลื่อนย้ายเด็กที่มีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย อาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้นตามมา

ขั้นตอนที่ 4

โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่สายด่วน 1669

เบอร์ 1669 คือสายด่วนของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หลังจากช่วยเหลือเด็กติดในรถเบื้องต้นแล้ว ให้คุณโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ไปยังเบอร์สายด่วนนี้เพื่อขอความช่วยเหลือ และเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมเบื้องต้นในการดูแลเด็ก ขณะรอระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังมาถึงยังที่เกิดเหตุ

โดยคุณจำเป็นต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจน ถึงอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเด็ก รวมไปถึงสถานที่ดังกล่าวที่คุณช่วยเหลือเด็กออกมาได้ รายละเอียดต่างๆ ต้องชัดเจน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือได้ทันเวลา

ขั้นตอนที่ 5

ช่วยปฐมพยาบาลเด็กเบื้องต้น

วิธีปฐมพยาบาลสำหรับเด็กติดในรถที่หมดสติไป เบื้องต้นคือ ให้วางส้นมือข้างใดข้างหนึ่งไว้ตรงกลางหน้าอกระดับราวนม แล้วใช้มืออีกข้างวางบนหน้าผากของเด็กโดยพยายามให้หงายหน้าส่วนล่างขึ้นเพื่อเปิดทางเดินหายใจ จากนั้นกดลงบนหน้าอกให้ได้ระยะ 1/3 ของความลึกจากผิวหน้าอก ทำซ้ำไปจำนวนราวๆ 30 ครั้ง ต่อเนื่องโดยไม่มีหยุด

วิธีนี้ถือเป็นการช่วยฟื้นคืนชีพเบื้องต้นให้เด็ก แต่ถ้าหากเด็กยังไม่ฟื้นให้คุณทำต่อเนื่องไปจนกว่าเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตจะมาถึง

ขั้นตอนที่ 6

หาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นซ้ำสอง

หลังจากช่วยชีวิตเด็กน้อยได้แล้ว สิ่งที่ควรทำเป็นลำดับต่อมาก็คือ การหาแนวทางป้องกันในการไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นซ้ำสองในอนาคต โดยควรปลูกฝังความใส่ใจให้กับผู้ปกครองของเด็กว่า ไม่ควรปล่อยทิ้งเด็กเอาไว้เพียงลำพังในรถ ไม่ว่าจะในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือไม่ก็ตาม

เพราะความซุกซนของเด็กที่ไม่รู้ภาษา อาจจะนำมาซึ่งอุบัติเหตุ หรือปัญหาเด็กติดในรถจนสร้างความสูญเสียได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากระบบต่างๆ ภายในรถยนต์ที่คุณไม่คาดคิดมาก่อน

การปล่อยทิ้งเด็กน้อยเอาไว้ในรถ เป็นสิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง หลายคนอาจจะคิดเพียงแค่ว่าปล่อยไว้แค่แป๊บเดียวคงไม่เป็นไร แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นมาจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของพ่อแม่ด้วยกันทั้งนั้น ทางที่ดีไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน ควรนำลูกน้อยออกจากรถไปด้วยเป็นการดีที่สุด เพื่อป้องกันปัญหาเด็กติดในรถดังกล่าว

เด็กติดอยู่ในรถ เป็นเรื่องที่อันตรายมาก และอาจจะเกิดขึ้นจากความหลงลืมของผู้ปกครอง หากคุณต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เด็กติดในรถยนต์ ควรปฏิบัติอย่างไรบ้าง