เชื่อว่าคนใช้รถเกือบ 100% ต้องเคยลองพยายามประหยัดน้ำมันรถ ด้วยวิธีประหยัดน้ำมันต่างๆ ที่คนนิยมใช้กัน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ก็ไม่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน หรือไม่ต่างจากการใช้รถปกติเลย นั่นเป็นเพราะคุณอาจจะกำลังทำวิธีที่ผิด หรือแก้ปัญหาไม่ตรงจุดอยู่ก็เป็นได้
บทความคาร์แทรคตอนนี้จะมาเล่าให้ฟังว่าเทคนิคในการประหยัดน้ำมันที่ถูกต้องควรทำอย่างไร หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วแต่ค่าใช้จ่ายน้ำมันก็ยังไม่ลด โดยเฉพาะในธุรกิจที่มีรถ เราก็มีตัวช่วยที่จะสามารถกู้วิกฤตปัญหานี้ได้อย่างเซนเซอร์น้ำมันมาแนะนำกัน ถ้าพร้อมแล้วก็มาติดตามพร้อมกันเลย
ก่อนจะลดการใช้น้ำมันรถหรือเครื่องยนต์ เราควรทราบถึงปัจจัยหรือสาเหตุที่ส่งผลต่ออัตราการกินน้ำมันหรือการใช้น้ำมันก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมยาก ได้แก่
1. สภาพถนน
หากรถของคุณมีการขับผ่านถนนที่มีหลุมบ่อ หรือคดเคี้ยวอ้อมโลกอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะรถใหญ่อย่างบรรทุก การเจอสภาพถนนที่ไม่ราบเรียบเหล่านี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันก็ส่งผลต่อการใช้น้ำมันรถมากขึ้นแน่นอน
2. สภาพจราจร
การจราจรที่ติดขัด ทำให้เกิดการจอดแช่ (Idle) บ่อยโดยไม่ได้ตั้งใจ รถไม่สามารถขับเคลื่อนที่ไปได้อย่างที่ควรจะเป็น ทั้งต้องขับช้า หรือเหยียบเบรกบ่อย ๆ เหล่านี้ก็ส่งผลต่อปริมาณการใช้น้ำมันเช่นกัน
ซึ่งการสตาร์ทรถจอดแช่รวมกัน 1 ชม. โดยเฉลี่ยจะกินน้ำมันอยู่ที่ 0.4 ลิตร เลยทีเดียว ดังนั้นยิ่งจอดแช่บ่อยก็จะยิ่งกินน้ำมันมากขึ้น
การติดตั้ง GPS ติดตามรถบรรทุกหรือระบบจัดการยานพาหนะ เพื่อวางแผนเส้นทางการใช้งานรถ และติดตามการใช้รถ ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างตรงจุด
3. การดูแลรักษาเครื่องยนต์
เครื่องยนต์มีปัญหา ฟิลเตอร์แอร์สกปรก หัวเทียนใกล้บอด ฯลฯ แม้เป็นปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เมื่อรวมกันก็ส่งผลให้รถใช้เครื่องยนต์ได้ไม่เต็มที่ 100% ของน้ำมันที่ใช้ไป
การดูแลรักษาเครื่องยนต์เป็นประจำ ตรวจเช็กสภาพรถ และนำรถเข้าศูนย์ตามระยะเวลาที่เหมาะสม จะช่วยดูแลเครื่องยนต์ให้สะอาด และอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานมากที่สุด ทำให้คนขับสามารถใช้เครื่องยนต์ได้เต็มสมรรถนะอยู่เสมอ
4. คุณภาพน้ำมัน
คุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิง และการใช้น้ำมันให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ ส่งผลอย่างยิ่งต่อการใช้งาน น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพมากกว่า จะมีค่าความบริสุทธิ์กว่า ซึ่งช่วยถนอมเครื่องยนต์
และเมื่อเครื่องยนต์อยู่ในสภาพที่ดี ก็จะช่วยให้การเผาผลาญน้ำมันมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย
5. ความรู้และการอบรมการขับขี่
ความรู้และการได้รับการอบรมการขับขี่ของคนขับรถมีผลต่อคุณภาพการขับขี่ ซึ่งการขับขี่ที่ดีช่วยถนอมรถและลดอุบัติเหตุได้มาก
หากไม่ทราบระดับความรู้หรือการอบรมที่ผ่านมา ข้อมูลการขับขี่ของคนขับรถสามารถบ่งบอกได้ ซึ่งระบบติดตามรถแบบมีเทคโนโลยี Telematics ในระบบ GPS ติดตามรถ สามารถเก็บข้อมูลส่วนนี้ได้ละเอียดและชัดเจน เรียกดูข้อมูลอัปเดตล่าสุดได้และได้ตลอดเวลา
รวมถึงยังสามารถแนะนำเรื่องที่ควรเพิ่มเติม เพื่อออกแบบการขับขี่ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นด้วย
1. ขับตามหลังคันอื่น เพื่อลดการต้านลม
การต้านลม คือ การที่เราเคลื่อนที่สวนกระแสกับทิศทางลมพัด ผลคืออาจทำให้เราเคลื่อนที่ได้ช้าลง ต้องใช้พลังงานในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้ามากขึ้น หลักการธรรมชาติเดียวกันนี้ ยังเกิดขึ้นกับกระแสน้ำด้วยเช่นกัน
จึงเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่าการขับรถตามหลังรถคันอื่นจะช่วยลดการต้านแรงลมได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่จริง
เหตุการณ์นี้อาจใช้กับการปั่นจักรยานได้ แต่สำหรับรถที่มีเครื่องยนต์ขับเคลื่อนนั้น นอกจากจะไม่ได้ให้ผลในการลดการต้านลมแล้ว การขับรถตามหลังรถคันข้างหน้าอย่างติด ๆ ยังอาจเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุด้วย เพราะไม่มีการเว้นระยะห่างจากคันข้างหน้าอย่างเหมาะสม
2. เข้าเกียร์ N หรือดับเครื่องเวลาลงเนิน
หลายคนเชื่อว่าถ้าเข้าเกียร์ N หรือดับเครื่องยนต์เวลาขับรถลงเนิน เพื่อปล่อยให้รถไหลลงเนินไปเอง เป็นวิธีประหยัดน้ำมัน เพราะเชื่อว่าไม่ติดเครื่องยนต์ = ไม่เสียน้ำมัน
แต่ความจริงแล้ว รถใช้งานในปัจจุบันส่วนมากถูกออกแบบมาให้กินน้ำมันน้อยลงเวลาขับลงเนินอยู่แล้ว
ยิ่งกว่านั้น การติด ๆ ดับ ๆ เครื่องยนต์ ยังรบกวนระบบควบคุมการเคลื่อนที่และการขับขี่ปลอดภัยด้วย ดังนั้นหากคนขับรถเข้าเกียร์ที่เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง ไม่ดับเครื่องโดยไม่จำเป็น จะถือว่าเป็นผลดีกับเครื่องยนต์มากกว่า
3. เติมน้ำมันตอนเช้าดีกว่า
นอกจากการใช้น้ำมัน ก็มีความเชื่อเรื่องการเติมน้ำมันด้วยที่ว่า มวลน้ำมันจะขยายตัวมากขึ้นเมื่อเจอความร้อนระหว่างวัน ทำให้คนใช้รถได้ปริมาณน้ำมันน้อยกว่า หากเติมน้ำมันเวลาที่ใช้รถมาร้อน ๆ ทั้งวันแล้ว
ในความเป็นจริง สถานีเติมน้ำมันฝังบ่อเก็บน้ำมันไว้ใต้ดินที่ลึกมาก มากพอที่จะรักษาอุณหภูมิให้คงที่หรือแกว่งน้อยมากจนไม่มีผลกระทบต่อการขยายหรือหดของมวลน้ำมัน
ทันทีที่น้ำมันไหลถึงถังน้ำมันของรถคุณ มันยังปรับสภาพอุณหภูมิให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ไม่ใช่สภาพที่ร้อนรุนแรงจนส่งผลขยายหรือหดมวลน้ำมันเช่นกัน
ดังนั้น ผู้ใช้รถสามารถเติมน้ำมันรถตอนไหนของวันก็ได้ ซึ่งถ้าอิงเรื่องเวลาจริง ๆ ตอนที่ดีที่สุดแน่นอนเลย คือวันเวลาที่น้ำมันประกาศลดราคานั่นเอง
4. สตาร์ทรถทิ้งไว้สักครู่ เพื่อวอร์มเครื่องยนต์
โดยเฉพาะในประเทศหรือพื้นที่อากาศหนาวเย็นจะเชื่อว่า การสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อวอร์มเครื่องจะดีต่อเครื่องยนต์มากขึ้นและช่วยลดการใช้น้ำมันได้ แต่นี่ไม่ใช่วิธีดูแลเครื่องยนต์หรือวิธีประหยัดน้ำมันแต่อย่างใด
ในทางตรงกันข้าม การถนอมเครื่องยนต์หรือวิธีแก้รถซดน้ำมันที่ได้ผลจริง คือ ลดการจอดแช่ติดเครื่องให้น้อยที่สุด ทั้งน้อยเวลาและจำนวนครั้งเท่าที่ทำได้
5. ปิดหน้าต่างให้สนิทเพื่อลดลมต้าน
คล้าย ๆ กันกับข้อแรก ที่มีความเชื่อว่าการต้านลมมีผลต่อการใช้น้ำมัน แต่ในความจริงแล้ว ไม่มีผลเลยกับรถที่ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อน
1. ขับรถด้วยความเร็วคงที่
การออกตัวกระชาก เร่งเครื่องเพื่อเข้าโค้งแรง ๆ หรือจู่ ๆ เร่งความเร็วเครื่องยนต์ ทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่การขับรถด้วยความเร็วคงที่ ตั้งแต่เริ่มออกตัวจนถึงจอดเมื่อถึงที่หมาย จะช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างแน่นอน
2. เอารถเข้าศูนย์เช็กสภาพให้เหมาะสมกับการใช้งาน
คนส่วนหนึ่งใช้วิธีเอารถเข้าศูนย์ ดูแลรักษาตามระยะเวลา เช่น 3 เดือน 6 เดือน แต่ช่วงเวลานำรถเข้าศูนย์ที่ดีกับรถมากที่สุด ควรยึดตามการใช้งานที่แท้จริง ซึ่งจะช่วยรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ช่วยลดการใช้น้ำมันได้มากที่สุดเช่นกัน
3. บรรทุกเฉพาะที่จำเป็น
รถส่วนใหญ่มักบรรทุกของที่ไม่จำเป็นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจริง ๆ แล้วน้ำหนักบรรทุกมีผลต่อการเคลื่อนที่ของยานพาหนะโดยตรงมากกว่าที่คุณรู้
แม้ว่าสิ่งของแต่ละอย่างจะมีน้ำหนักไม่มาก แต่พอรวม ๆ กันแล้วก็มีน้ำหนักมากเช่นกัน และอาจทำให้รถบรรทุกบรรทุกเกินน้ำหนักที่รถจะรองรับได้ไหว
คำแนะนำคือ ควรหมั่นตรวจสอบสิ่งของบนรถบ่อย ๆ เพื่อให้รถมีเฉพาะของที่จำเป็นต่อการใช้งานจริง ซึ่งเราสามารถเห็นค่าน้ำมันที่ประหยัดมากขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป
สำหรับรถบรรทุกที่ใช้ในธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์อาจจะหลีกเลี่ยงการแบกสินค้าน้ำหนักมากได้ยาก แต่ก็สามารถประหยัดน้ำมันได้ด้วยเทคนิคในข้อถัดไปที่เราจะบอกให้ฟังกัน
4. วางแผนเส้นทางดี ๆ
การวางแผนเส้นทางขับขี่ล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดหรือมีปัญหา เช่น ก่อสร้างถนน ลดการใช้เวลาบนท้องถนน ซึ่งช่วยลดเวลาการใช้รถในเวลาเดียวกัน
ทุกวันนี้ มีเครื่องมือที่ช่วยวางแผนเส้นทางล่วงหน้า เช่น แอปพลิเคชันนำทาง รายงานสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ ที่เราสามารถเลือกใช้ได้ตามสะดวก
การวางแผนการเดินทางล่วงหน้ายังช่วยเรียบเรียงงานที่ต้องทำ ทำให้สามารถจัดกลุ่มงานที่ใช้เส้นทางเดียวกัน ช่วยลดการขับขี่ได้ด้วย
ยิ่งหากมีระบบจัดการยานพาหนะที่ช่วยควบคุมดูแลงานในส่วนนี้ รับรองว่าการมีรถใช้งานในความดูแลหลายสิบหรือหลายร้อยคันก็ไม่ใช่ปัญหาน่าปวดหัวอีกต่อไป
5. ใช้เทคโนโลยีลดการใช้น้ำมัน
ปัจจุบันนี้ มีเทคโนโลยีมากมายหลายอย่างที่ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์หรือเครื่องจักร
ซึ่งสำหรับรถหรือยานพาหนะ มีทั้งรถประหยัดน้ำมัน หรือระบบติดตามรถ GPS แบบ Telematics ที่บันทึกติดตามข้อมูลการใช้เครื่องยนต์แบบเรียลไทม์ และประมวลผลข้อมูลออกมาที่บอกสภาพเครื่องยนต์ที่แท้จริง
ช่วยให้เจ้าของรถรู้ว่าควรใช้รถยังไงให้คุ้มค่าและดีที่สุด และดูแลรถยังไงให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยสามารถเรียกดูข้อมูลได้ตลอดเวลา
6. ติดตามน้ำมันด้วยเซนเซอร์น้ำมัน
เลือกติดตั้งเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันเพื่อติดตามการใช้งานน้ำมันรถ หากมีการใช้งานน้ำมันที่ผิดปกติ ปริมาณน้ำมันที่หายไปไม่สัมพันธ์กับเส้นทางที่ใช้งาน คุณก็จะสามารถติดตามข้อมูลเหล่านี้ได้ทันทีผ่านรายงานในระบบ
รวมถึงยังสามารถติดตั้งกล้องติดรถที่บริเวณถังน้ำมัน เพื่อใช้งานร่วมกับเซนเซอร์น้ำมันได้อีกด้วย เป็นอุปกรณ์ประหยัดน้ำมัน ในแง่ที่ช่วยป้องกันพนักงานขับรถแอบโกงน้ำมัน และลดการทุจริตน้ำมันได้จริง
ธุรกิจที่มีรถใช้งานหลายคันทราบดีว่าการบริหารรถใช้งานให้ดี คือ การจัดการและควบคุมต้นทุนในเวลาเดียวกัน
ดังนั้นพวกเขาจึงบริหารการใช้รถอย่างจริงจัง ความได้เปรียบคืองานนี้สามารถทำได้ไม่ยาก เพราะมีระบบบริหารจัดการรถให้เลือกใช้งาน และปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการใช้งานของแต่ละธุรกิจแล้ว
ระบบบริหารจัดการยานพาหนะ CARTRACK ติดตามการใช้รถและพฤติกรรมการขับขี่ทุกการเดินทาง และส่งเข้าระบบให้ผู้ดูแลรถสามารถเรียกดู เพื่อวิเคราะห์และพัฒนาการขับขี่ที่ปลอดภัยและประหยัดมากขึ้นได้ทุกเวลา ฟังก์ชันที่ผู้ดูแลระบบอยู่หลังบ้านใช้งานบ่อย ๆ เช่น
CARTRACK ติดตามการใช้น้ำมันแบบเรียลไทม์ ระบบแสดงความเคลื่อนไหวของน้ำมันชัดเจน เช่น กราฟน้ำมัน หน่วยน้ำมันเป็นลิตร ฯลฯ
อีกทั้งยังสามารถเสริมประสิทธิภาพการติดตามด้วย MiFleet ฟีเจอร์ติดตามต้นทุนน้ำมันและยานพาหนะโดยเฉพาะ ที่วิเคราะห์การใช้น้ำมัน ควบคุมการใช้ และการเติมน้ำมันอย่างละเอียด
ทำให้ธุรกิจปรับปรุงการใช้น้ำมันได้ประหยัดและคุ้มค่าที่สุด รวมถึงตรวจจับการทุจริตน้ำมันและการใช้รถได้อย่างแม่นยำด้วย
คนขับรถ คือ ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการใช้น้ำมัน CARTRACK ติดตามและเก็บข้อมูลการขับขี่ที่เจ้าของรถหรือผู้ดูแลระบบการใช้รถสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพการใช้รถได้
สิ่งที่คนขับทำได้ดี สิ่งที่ควรแก้ไอย่างละเอียด รายงานออกมาเป็นตัวเลข ปริมาณ ความถี่ต่าง ๆ อย่างชัดเจน
และระบบติดตามพัฒนาการของคนขับ ซึ่งช่วยสร้างแผนพัฒนาคุณภาพการขับขี่ให้คนขับได้อย่างชัดเจนเที่ยงตรงเป็นกลาง ลดความตึงเครียดในบรรยากาศการทำงานและดูแลภาคขนส่งได้อย่างยั่งยืน
CARTRACK มีระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงรอบบำรุงรักษาเครื่องยนต์ โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าตามเวลาหรือระยะกิโลเมตรที่มีการใช้งานรถได้ เพื่อไม่ให้พลาดการตรวจสอบสภาพรถ
หากพบชิ้นส่วนสึกหรอเบื้องต้น ก็สามารถแก้ไขได้ทันท่วงที ช่วยประหยัดค่าซ่อมแซมใหญ่ ลดโอกาสรถเสียกะทันหัน ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อรถคันใหม่ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่สำหรับธุรกิจด้วย
การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ถือเป็นเป้าหมายใหม่ที่สำคัญของธุรกิจจำนวนมากในปัจจุบัน จากสภาวะโลกร้อนและอากาศแปรปรวนที่รุนแรงมากขึ้นทุกปี การทำกิจกรรมตอบแทนสังคม หรือ CSR เหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายและให้ผลตอบแทนในวงกว้างได้คุ้มค่าที่สุดสำหรับธุรกิจด้วย
CARTRACK เป็นระบบจัดการการใช้รถที่ตอบโจทย์การดูแลสภาพแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และใช้ได้กับรถพลังงานไฟฟ้า หรือ EV ด้วย
ซึ่งแผนการดูแลและผลลัพธ์ สามารถสรุปออกมาเป็นรายงานอย่างชัดเจน ใช้ในการวางแผนต่อหรือประกอบเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม CSR ได้อย่างเป็นรูปธรรมด้วย
การขับรถและการทำธุรกิจมีรถ จำเป็นต้องใช้น้ำมันหรือเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการใช้ระบบจัดการน้ำมันและเซนเซอร์น้ำมันเข้ามาช่วยจัดการ จึงเป็นวิธีที่นิยมใช้มากขึ้น
เพราะเป็นการลงทุนครั้งเดียวแต่ให้ผลตอบแทนที่ชัดเจนและยั่งยืนระยะยาว สอบถามข้อมูลระบบติดตามยานพาหนะของ CARTRACK และทดลองใช้กับธุรกิจคุณได้ตั้งแต่ตอนนี้ ติดต่อเราได้ที่หมายเลข 02-136-2920 , 02-136-2921 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.30 น.
หรือกรอกรายละเอียดเข้ามาที่แบบฟอร์มด้านบน หรือแจ้งต้องการทดลองใช้ฟรี รับเลย! โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดตามรถ จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ติดตาม CARTRACK (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที
เผย 5 วิธีในการประหยัดน้ำมันรถที่ทำแล้วไม่ได้ผลจริง พร้อมแนะนำวิธีประหยัดน้ำมันที่ถูกต้อง หรือถ้าธุรกิจอยากประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เซนเซอร์น้ำมัน ช่วยได้