BLOGS

5 ความเชื่อผิดๆ ที่ทำให้การประหยัดน้ำมันไม่ได้ผล!

สนใจใช้งาน GPS ติดรถ Cartrack วันนี้ ปรึกษาฟรี!

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

เชื่อว่าคนใช้รถเกือบ 100% ต้องเคยลองพยายามประหยัดน้ำมันรถ ด้วยวิธีประหยัดน้ำมันต่างๆ ที่คนนิยมใช้กัน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ก็ไม่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน หรือไม่ต่างจากการใช้รถปกติเลย นั่นเป็นเพราะคุณอาจจะกำลังทำวิธีที่ผิด หรือแก้ปัญหาไม่ตรงจุดอยู่ก็เป็นได้

บทความคาร์แทรคตอนนี้จะมาเล่าให้ฟังว่าเทคนิคในการประหยัดน้ำมันที่ถูกต้องควรทำอย่างไร หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วแต่ค่าใช้จ่ายน้ำมันก็ยังไม่ลด โดยเฉพาะในธุรกิจที่มีรถ เราก็มีตัวช่วยที่จะสามารถกู้วิกฤตปัญหานี้ได้อย่างเซนเซอร์น้ำมันมาแนะนำกัน ถ้าพร้อมแล้วก็มาติดตามพร้อมกันเลย

บทความตอนนี้ชวนคุยเรื่อง:

  • ปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้น้ำมัน มีอะไรบ้าง?
  • 5 วิธีประหยัดน้ำมันที่คนนิยมทำ แต่จริง ๆ ไม่ได้ผล!
  • แนะ 6 วิธีประหยัดน้ำมันที่ทำแล้วได้ผลจริง
  • ประหยัดน้ำมันแบบยั่งยืน ด้วยระบบจัดการน้ำมันที่มีประสิทธิภาพ
  • เซนเซอร์น้ำมัน CARTRACK ปกป้องน้ำมันทุกหยดและเงินทุกบาทให้ธุรกิจของคุณ

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้น้ำมัน มีอะไรบ้าง?

ก่อนจะลดการใช้น้ำมันรถหรือเครื่องยนต์ เราควรทราบถึงปัจจัยหรือสาเหตุที่ส่งผลต่ออัตราการกินน้ำมันหรือการใช้น้ำมันก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมยาก ได้แก่

1. สภาพถนน

หากรถของคุณมีการขับผ่านถนนที่มีหลุมบ่อ หรือคดเคี้ยวอ้อมโลกอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะรถใหญ่อย่างบรรทุก การเจอสภาพถนนที่ไม่ราบเรียบเหล่านี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันก็ส่งผลต่อการใช้น้ำมันรถมากขึ้นแน่นอน

2. สภาพจราจร

การจราจรที่ติดขัด ทำให้เกิดการจอดแช่ (Idle) บ่อยโดยไม่ได้ตั้งใจ รถไม่สามารถขับเคลื่อนที่ไปได้อย่างที่ควรจะเป็น ทั้งต้องขับช้า หรือเหยียบเบรกบ่อย ๆ เหล่านี้ก็ส่งผลต่อปริมาณการใช้น้ำมันเช่นกัน

ซึ่งการสตาร์ทรถจอดแช่รวมกัน 1 ชม. โดยเฉลี่ยจะกินน้ำมันอยู่ที่ 0.4 ลิตร เลยทีเดียว ดังนั้นยิ่งจอดแช่บ่อยก็จะยิ่งกินน้ำมันมากขึ้น

การติดตั้ง GPS ติดตามรถบรรทุกหรือระบบจัดการยานพาหนะ เพื่อวางแผนเส้นทางการใช้งานรถ และติดตามการใช้รถ ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างตรงจุด

3. การดูแลรักษาเครื่องยนต์

เครื่องยนต์มีปัญหา ฟิลเตอร์แอร์สกปรก หัวเทียนใกล้บอด ฯลฯ แม้เป็นปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เมื่อรวมกันก็ส่งผลให้รถใช้เครื่องยนต์ได้ไม่เต็มที่ 100% ของน้ำมันที่ใช้ไป

การดูแลรักษาเครื่องยนต์เป็นประจำ ตรวจเช็กสภาพรถ และนำรถเข้าศูนย์ตามระยะเวลาที่เหมาะสม จะช่วยดูแลเครื่องยนต์ให้สะอาด และอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานมากที่สุด ทำให้คนขับสามารถใช้เครื่องยนต์ได้เต็มสมรรถนะอยู่เสมอ

4. คุณภาพน้ำมัน

คุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิง และการใช้น้ำมันให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ ส่งผลอย่างยิ่งต่อการใช้งาน น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพมากกว่า จะมีค่าความบริสุทธิ์กว่า ซึ่งช่วยถนอมเครื่องยนต์

และเมื่อเครื่องยนต์อยู่ในสภาพที่ดี ก็จะช่วยให้การเผาผลาญน้ำมันมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย

5. ความรู้และการอบรมการขับขี่

ความรู้และการได้รับการอบรมการขับขี่ของคนขับรถมีผลต่อคุณภาพการขับขี่ ซึ่งการขับขี่ที่ดีช่วยถนอมรถและลดอุบัติเหตุได้มาก

หากไม่ทราบระดับความรู้หรือการอบรมที่ผ่านมา ข้อมูลการขับขี่ของคนขับรถสามารถบ่งบอกได้ ซึ่งระบบติดตามรถแบบมีเทคโนโลยี Telematics ในระบบ GPS ติดตามรถ สามารถเก็บข้อมูลส่วนนี้ได้ละเอียดและชัดเจน เรียกดูข้อมูลอัปเดตล่าสุดได้และได้ตลอดเวลา

รวมถึงยังสามารถแนะนำเรื่องที่ควรเพิ่มเติม เพื่อออกแบบการขับขี่ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นด้วย

5 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของรถ

5 วิธีประหยัดน้ำมันที่คนนิยมทำ แต่จริง ๆ ไม่ได้ผล!

1. ขับตามหลังคันอื่น เพื่อลดการต้านลม

การต้านลม คือ การที่เราเคลื่อนที่สวนกระแสกับทิศทางลมพัด ผลคืออาจทำให้เราเคลื่อนที่ได้ช้าลง ต้องใช้พลังงานในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้ามากขึ้น หลักการธรรมชาติเดียวกันนี้ ยังเกิดขึ้นกับกระแสน้ำด้วยเช่นกัน

จึงเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่าการขับรถตามหลังรถคันอื่นจะช่วยลดการต้านแรงลมได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่จริง

เหตุการณ์นี้อาจใช้กับการปั่นจักรยานได้ แต่สำหรับรถที่มีเครื่องยนต์ขับเคลื่อนนั้น นอกจากจะไม่ได้ให้ผลในการลดการต้านลมแล้ว การขับรถตามหลังรถคันข้างหน้าอย่างติด ๆ ยังอาจเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุด้วย เพราะไม่มีการเว้นระยะห่างจากคันข้างหน้าอย่างเหมาะสม

2. เข้าเกียร์ N หรือดับเครื่องเวลาลงเนิน

หลายคนเชื่อว่าถ้าเข้าเกียร์ N หรือดับเครื่องยนต์เวลาขับรถลงเนิน เพื่อปล่อยให้รถไหลลงเนินไปเอง เป็นวิธีประหยัดน้ำมัน เพราะเชื่อว่าไม่ติดเครื่องยนต์ = ไม่เสียน้ำมัน

แต่ความจริงแล้ว รถใช้งานในปัจจุบันส่วนมากถูกออกแบบมาให้กินน้ำมันน้อยลงเวลาขับลงเนินอยู่แล้ว

ยิ่งกว่านั้น การติด ๆ ดับ ๆ เครื่องยนต์ ยังรบกวนระบบควบคุมการเคลื่อนที่และการขับขี่ปลอดภัยด้วย ดังนั้นหากคนขับรถเข้าเกียร์ที่เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง ไม่ดับเครื่องโดยไม่จำเป็น จะถือว่าเป็นผลดีกับเครื่องยนต์มากกว่า

3. เติมน้ำมันตอนเช้าดีกว่า

นอกจากการใช้น้ำมัน ก็มีความเชื่อเรื่องการเติมน้ำมันด้วยที่ว่า มวลน้ำมันจะขยายตัวมากขึ้นเมื่อเจอความร้อนระหว่างวัน ทำให้คนใช้รถได้ปริมาณน้ำมันน้อยกว่า หากเติมน้ำมันเวลาที่ใช้รถมาร้อน ๆ ทั้งวันแล้ว

ในความเป็นจริง สถานีเติมน้ำมันฝังบ่อเก็บน้ำมันไว้ใต้ดินที่ลึกมาก มากพอที่จะรักษาอุณหภูมิให้คงที่หรือแกว่งน้อยมากจนไม่มีผลกระทบต่อการขยายหรือหดของมวลน้ำมัน

ทันทีที่น้ำมันไหลถึงถังน้ำมันของรถคุณ มันยังปรับสภาพอุณหภูมิให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ไม่ใช่สภาพที่ร้อนรุนแรงจนส่งผลขยายหรือหดมวลน้ำมันเช่นกัน

ดังนั้น ผู้ใช้รถสามารถเติมน้ำมันรถตอนไหนของวันก็ได้ ซึ่งถ้าอิงเรื่องเวลาจริง ๆ ตอนที่ดีที่สุดแน่นอนเลย คือวันเวลาที่น้ำมันประกาศลดราคานั่นเอง

4. สตาร์ทรถทิ้งไว้สักครู่ เพื่อวอร์มเครื่องยนต์

โดยเฉพาะในประเทศหรือพื้นที่อากาศหนาวเย็นจะเชื่อว่า การสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อวอร์มเครื่องจะดีต่อเครื่องยนต์มากขึ้นและช่วยลดการใช้น้ำมันได้ แต่นี่ไม่ใช่วิธีดูแลเครื่องยนต์หรือวิธีประหยัดน้ำมันแต่อย่างใด

ในทางตรงกันข้าม การถนอมเครื่องยนต์หรือวิธีแก้รถซดน้ำมันที่ได้ผลจริง คือ ลดการจอดแช่ติดเครื่องให้น้อยที่สุด ทั้งน้อยเวลาและจำนวนครั้งเท่าที่ทำได้

5. ปิดหน้าต่างให้สนิทเพื่อลดลมต้าน

คล้าย ๆ กันกับข้อแรก ที่มีความเชื่อว่าการต้านลมมีผลต่อการใช้น้ำมัน แต่ในความจริงแล้ว ไม่มีผลเลยกับรถที่ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อน

วิธีประหยัดน้ำมันที่ไม่ได้ผล

แนะ 6 วิธีประหยัดน้ำมันที่ทำแล้วได้ผลจริง

1. ขับรถด้วยความเร็วคงที่

การออกตัวกระชาก เร่งเครื่องเพื่อเข้าโค้งแรง ๆ หรือจู่ ๆ เร่งความเร็วเครื่องยนต์ ทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่การขับรถด้วยความเร็วคงที่ ตั้งแต่เริ่มออกตัวจนถึงจอดเมื่อถึงที่หมาย จะช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างแน่นอน

2. เอารถเข้าศูนย์เช็กสภาพให้เหมาะสมกับการใช้งาน

คนส่วนหนึ่งใช้วิธีเอารถเข้าศูนย์ ดูแลรักษาตามระยะเวลา เช่น 3 เดือน 6 เดือน แต่ช่วงเวลานำรถเข้าศูนย์ที่ดีกับรถมากที่สุด ควรยึดตามการใช้งานที่แท้จริง ซึ่งจะช่วยรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ช่วยลดการใช้น้ำมันได้มากที่สุดเช่นกัน

3. บรรทุกเฉพาะที่จำเป็น

รถส่วนใหญ่มักบรรทุกของที่ไม่จำเป็นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจริง ๆ แล้วน้ำหนักบรรทุกมีผลต่อการเคลื่อนที่ของยานพาหนะโดยตรงมากกว่าที่คุณรู้

แม้ว่าสิ่งของแต่ละอย่างจะมีน้ำหนักไม่มาก แต่พอรวม ๆ กันแล้วก็มีน้ำหนักมากเช่นกัน และอาจทำให้รถบรรทุกบรรทุกเกินน้ำหนักที่รถจะรองรับได้ไหว

คำแนะนำคือ ควรหมั่นตรวจสอบสิ่งของบนรถบ่อย ๆ เพื่อให้รถมีเฉพาะของที่จำเป็นต่อการใช้งานจริง ซึ่งเราสามารถเห็นค่าน้ำมันที่ประหยัดมากขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป

สำหรับรถบรรทุกที่ใช้ในธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์อาจจะหลีกเลี่ยงการแบกสินค้าน้ำหนักมากได้ยาก แต่ก็สามารถประหยัดน้ำมันได้ด้วยเทคนิคในข้อถัดไปที่เราจะบอกให้ฟังกัน

4. วางแผนเส้นทางดี ๆ

การวางแผนเส้นทางขับขี่ล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดหรือมีปัญหา เช่น ก่อสร้างถนน ลดการใช้เวลาบนท้องถนน ซึ่งช่วยลดเวลาการใช้รถในเวลาเดียวกัน

ทุกวันนี้ มีเครื่องมือที่ช่วยวางแผนเส้นทางล่วงหน้า เช่น แอปพลิเคชันนำทาง รายงานสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ ที่เราสามารถเลือกใช้ได้ตามสะดวก

การวางแผนการเดินทางล่วงหน้ายังช่วยเรียบเรียงงานที่ต้องทำ ทำให้สามารถจัดกลุ่มงานที่ใช้เส้นทางเดียวกัน ช่วยลดการขับขี่ได้ด้วย 

ยิ่งหากมีระบบจัดการยานพาหนะที่ช่วยควบคุมดูแลงานในส่วนนี้ รับรองว่าการมีรถใช้งานในความดูแลหลายสิบหรือหลายร้อยคันก็ไม่ใช่ปัญหาน่าปวดหัวอีกต่อไป

5. ใช้เทคโนโลยีลดการใช้น้ำมัน

ปัจจุบันนี้ มีเทคโนโลยีมากมายหลายอย่างที่ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์หรือเครื่องจักร

ซึ่งสำหรับรถหรือยานพาหนะ มีทั้งรถประหยัดน้ำมัน หรือระบบติดตามรถ GPS แบบ Telematics ที่บันทึกติดตามข้อมูลการใช้เครื่องยนต์แบบเรียลไทม์ และประมวลผลข้อมูลออกมาที่บอกสภาพเครื่องยนต์ที่แท้จริง

ช่วยให้เจ้าของรถรู้ว่าควรใช้รถยังไงให้คุ้มค่าและดีที่สุด และดูแลรถยังไงให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยสามารถเรียกดูข้อมูลได้ตลอดเวลา

6. ติดตามน้ำมันด้วยเซนเซอร์น้ำมัน

เลือกติดตั้งเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันเพื่อติดตามการใช้งานน้ำมันรถ หากมีการใช้งานน้ำมันที่ผิดปกติ ปริมาณน้ำมันที่หายไปไม่สัมพันธ์กับเส้นทางที่ใช้งาน คุณก็จะสามารถติดตามข้อมูลเหล่านี้ได้ทันทีผ่านรายงานในระบบ

รวมถึงยังสามารถติดตั้งกล้องติดรถที่บริเวณถังน้ำมัน เพื่อใช้งานร่วมกับเซนเซอร์น้ำมันได้อีกด้วย เป็นอุปกรณ์ประหยัดน้ำมัน ในแง่ที่ช่วยป้องกันพนักงานขับรถแอบโกงน้ำมัน และลดการทุจริตน้ำมันได้จริง

พลาดไป_5_มาใช้_5_วิธีประหยัดน้ำมัน_ที่ถูกต้อง_แทนดีกว่า

ประหยัดน้ำมันแบบยั่งยืน ด้วยระบบจัดการน้ำมันที่มีประสิทธิภาพ

ธุรกิจที่มีรถใช้งานหลายคันทราบดีว่าการบริหารรถใช้งานให้ดี คือ การจัดการและควบคุมต้นทุนในเวลาเดียวกัน

ดังนั้นพวกเขาจึงบริหารการใช้รถอย่างจริงจัง ความได้เปรียบคืองานนี้สามารถทำได้ไม่ยาก เพราะมีระบบบริหารจัดการรถให้เลือกใช้งาน และปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการใช้งานของแต่ละธุรกิจแล้ว

ระบบบริหารจัดการยานพาหนะ CARTRACK ติดตามการใช้รถและพฤติกรรมการขับขี่ทุกการเดินทาง และส่งเข้าระบบให้ผู้ดูแลรถสามารถเรียกดู เพื่อวิเคราะห์และพัฒนาการขับขี่ที่ปลอดภัยและประหยัดมากขึ้นได้ทุกเวลา ฟังก์ชันที่ผู้ดูแลระบบอยู่หลังบ้านใช้งานบ่อย ๆ เช่น

ติดตามและวิเคราะห์การใช้น้ำมัน

CARTRACK ติดตามการใช้น้ำมันแบบเรียลไทม์ ระบบแสดงความเคลื่อนไหวของน้ำมันชัดเจน เช่น กราฟน้ำมัน หน่วยน้ำมันเป็นลิตร ฯลฯ

อีกทั้งยังสามารถเสริมประสิทธิภาพการติดตามด้วย MiFleet ฟีเจอร์ติดตามต้นทุนน้ำมันและยานพาหนะโดยเฉพาะ ที่วิเคราะห์การใช้น้ำมัน ควบคุมการใช้ และการเติมน้ำมันอย่างละเอียด

ทำให้ธุรกิจปรับปรุงการใช้น้ำมันได้ประหยัดและคุ้มค่าที่สุด รวมถึงตรวจจับการทุจริตน้ำมันและการใช้รถได้อย่างแม่นยำด้วย

อบรมคนขับและสร้างแผนพัฒนาการขับขี่

คนขับรถ คือ ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการใช้น้ำมัน CARTRACK ติดตามและเก็บข้อมูลการขับขี่ที่เจ้าของรถหรือผู้ดูแลระบบการใช้รถสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพการใช้รถได้

สิ่งที่คนขับทำได้ดี สิ่งที่ควรแก้ไอย่างละเอียด รายงานออกมาเป็นตัวเลข ปริมาณ ความถี่ต่าง ๆ อย่างชัดเจน

และระบบติดตามพัฒนาการของคนขับ ซึ่งช่วยสร้างแผนพัฒนาคุณภาพการขับขี่ให้คนขับได้อย่างชัดเจนเที่ยงตรงเป็นกลาง ลดความตึงเครียดในบรรยากาศการทำงานและดูแลภาคขนส่งได้อย่างยั่งยืน

ดูแลสภาพเครื่องยนต์และยืดอายุการใช้งานได้มากขึ้น

CARTRACK มีระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงรอบบำรุงรักษาเครื่องยนต์ โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าตามเวลาหรือระยะกิโลเมตรที่มีการใช้งานรถได้ เพื่อไม่ให้พลาดการตรวจสอบสภาพรถ

หากพบชิ้นส่วนสึกหรอเบื้องต้น ก็สามารถแก้ไขได้ทันท่วงที ช่วยประหยัดค่าซ่อมแซมใหญ่ ลดโอกาสรถเสียกะทันหัน ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อรถคันใหม่ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่สำหรับธุรกิจด้วย

รักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ถือเป็นเป้าหมายใหม่ที่สำคัญของธุรกิจจำนวนมากในปัจจุบัน จากสภาวะโลกร้อนและอากาศแปรปรวนที่รุนแรงมากขึ้นทุกปี การทำกิจกรรมตอบแทนสังคม หรือ CSR เหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายและให้ผลตอบแทนในวงกว้างได้คุ้มค่าที่สุดสำหรับธุรกิจด้วย

CARTRACK เป็นระบบจัดการการใช้รถที่ตอบโจทย์การดูแลสภาพแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และใช้ได้กับรถพลังงานไฟฟ้า หรือ EV ด้วย

ซึ่งแผนการดูแลและผลลัพธ์ สามารถสรุปออกมาเป็นรายงานอย่างชัดเจน ใช้ในการวางแผนต่อหรือประกอบเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม CSR ได้อย่างเป็นรูปธรรมด้วย

รักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เซนเซอร์น้ำมัน CARTRACK ปกป้องน้ำมันทุกหยดและเงินทุกบาทให้ธุรกิจของคุณ

การขับรถและการทำธุรกิจมีรถ จำเป็นต้องใช้น้ำมันหรือเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการใช้ระบบจัดการน้ำมันและเซนเซอร์น้ำมันเข้ามาช่วยจัดการ จึงเป็นวิธีที่นิยมใช้มากขึ้น

เพราะเป็นการลงทุนครั้งเดียวแต่ให้ผลตอบแทนที่ชัดเจนและยั่งยืนระยะยาว สอบถามข้อมูลระบบติดตามยานพาหนะของ CARTRACK และทดลองใช้กับธุรกิจคุณได้ตั้งแต่ตอนนี้ ติดต่อเราได้ที่หมายเลข 02-136-2920 , 02-136-2921 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.30 น.

หรือกรอกรายละเอียดเข้ามาที่แบบฟอร์มด้านบน หรือแจ้งต้องการทดลองใช้ฟรี รับเลย! โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดตามรถ จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)

ติดตาม CARTRACK (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่

Facebook: Cartrack Thailand

Instagram: @cartrack.thailand‍

LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที

เผย 5 วิธีในการประหยัดน้ำมันรถที่ทำแล้วไม่ได้ผลจริง พร้อมแนะนำวิธีประหยัดน้ำมันที่ถูกต้อง หรือถ้าธุรกิจอยากประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เซนเซอร์น้ำมัน ช่วยได้