เชื่อว่าคนใช้รถเกือบ 100% ต้องเคยลองพยายามประหยัดน้ำมันรถ ใช้ วิธีประหยัดน้ำมัน ต่างๆ ที่คนนิยมใช้กัน หรือที่บอกต่อจนรู้มา เพื่อลดค่าน้ำมัน แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ชัดเจน หรือไม่ได้ผลเลย เหมือนไม่ต่างจากการใช้รถปกติ
วิธีประหยัดน้ำมัน ที่ไม่ได้ผล เหล่านี้มีอะไรบ้าง คาร์แทรค จะมาเล่าให้ฟัง พร้อมกับแนะนำ วิธีใช้รถหรือขับรถยังไงให้ประหยัดน้ำมัน แบบลดค่าใช้จ่ายชัดๆ กันตอนนี้เลย
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้น้ำมัน มีอะไรบ้าง?
ก่อนจะลดการใช้น้ำมันรถหรือเครื่องยนต์ เราควรทราบถึงปัจจัยหรือสาเหตุที่ส่งผลต่ออัตราการกินน้ำมันหรือการใช้น้ำมันก่อน ได้แก่
- สภาพถนน
ถนนที่ขับผ่านบ่อยๆ หรือทุกวัน มีหลุมบ่อ หรือคดเคี้ยวอ้อมโลก หรือไม่ ซึ่งสำหรับรถบรรทุก การเจอสภาพถนนที่แตกต่างและไม่ราบเรียบเป็นเรื่องธรรมดา และส่งผลต่อรถใช้น้ำมันมากขึ้นแน่นอน
- สภาพจราจร
เส้นทางจราจรที่มีไฟเขียวไฟแดงเยอะ สี่แยกบ่อย ซอยย่อยตามสองข้างทางเยอะ มีผลต่อการขับเคลื่อนไปข้างหน้าที่จะช้าลงหรือสะดุดบ่อย เพราะต้องจอดแช่ (Idle) บ่อย
ซึ่งโดยเฉลี่ย การจอดแช่รวมกัน 1 ชม. จะกินน้ำมันอยู่ที่ 0.4 ลิตร เลยทีเดียว ดังนั้น ยิ่งจอดแช่บ่อย ก็จะยิ่งกินน้ำมันมากขึ้น
- การดูแลรักษาเครื่องยนต์
เครื่องยนต์มีปัญหา ฟิลเตอร์แอร์สกปรก หัวเทียนใกล้บอด ฯลฯ แม้เป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ แต่เมื่อรวมกัน ก็ส่งผลให้ใช้เครื่องยนต์ได้ไม่เต็มที่ เต็ม 100% ของน้ำมันที่ใช้ไป
การดูแลรักษาเครื่องยนต์เป็นประจำ ตรวจเช็คสภาพรถ และนำรถเข้าศูนย์ตามระยะเวลาที่เหมาะสม จะช่วยดูแลเครื่องยนต์ให้สะอาด และอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานมากที่สุด และใช้เครื่องยนต์ได้เต็มสมรรถนะอยู่เสมอ
- คุณภาพน้ำมัน
คุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิง และการใช้น้ำมันให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ ส่งผลอย่างยิ่งต่อการใช้งาน น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพมากกว่า จะมีค่าความบริสุทธิ์กว่า ซึ่งช่วยถนอมเครื่องยนต์
และเมื่อเครื่องยนต์อยู่ในสภาพที่ดี ก็จะช่วยให้การเผาผลาญน้ำมันมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย
- ความรู้และการอบรมการขับขี่
ความรู้และการได้รับการอบรมการขับขี่ของคนขับรถ มีผลต่อคุณภาพการขับขี่ ซึ่งการขับขี่ที่ดีช่วยถนอมรถและลดอุบัติเหตุได้มาก
หากไม่ทราบระดับความรู้หรือการอบรมที่ผ่านมา ข้อมูลการขับขี่ของคนขับรถสามารถบ่งบอกได้ ซึ่งระบบติดตามรถแบบมีเทคโนโลยี Telematics สามารถเก็บข้อมูลส่วนนี้ได้ละเอียดและชัดเจน เรียกดูข้อมูลอัพเดตล่าสุดได้และได้ตลอดเวลา
รวมถึงยังสามารถแนะนำเรื่องที่ควรเพิ่มเติม เพื่อออกแบบการขับขี่ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นด้วย
5 วิธีประหยัดน้ำมัน ที่ไม่ได้ผล แต่ชอบทำกันจังเลย
- ขับตามหลังคันอื่น เพื่อลดการต้านลม
การต้านลม คือ การที่เราเคลื่อนที่สวนกระแสกับทิศทางลมพัด ผลคืออาจทำให้เราเคลื่อนที่ได้ช้าลง ต้องใช้พลังงานในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้ามากขึ้น หลักการธรรมชาติเดียวกันนี้ ยังเกิดขึ้นกับกระแสน้ำด้วยเช่นกัน
จึงเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่า การขับรถตามหลังรถคันอื่น จะช่วยลดการต้านแรงลมได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่จริง
เหตุการณ์นี้อาจใช้กับการปั่นจักรยานได้ แต่สำหรับรถที่มีเครื่องยนต์ขับเคลื่อนนั้น นอกจากจะไม่ได้ให้ผลในการลดการต้านลมแล้ว การขับรถตามหลังรถคันข้างหน้าอย่างติดๆ ยังอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุด้วย เพราะไม่มีการเว้นระยะห่างจากคันข้างหน้าอย่างเหมาะสม
- เข้าเกียร์ N หรือดับเครื่องเวลาลงเนิน
หลายคนเชื่อว่าถ้าเข้าเกียร์ N หรือดับเครื่องยนต์ เวลาขับรถลงเนิน เพื่อปล่อยให้รถไหลลงเนินไปเอง เป็น วิธีประหยัดน้ำมัน เพราะเชื่อว่า ไม่ติดเครื่องยนต์ = ไม่เสียน้ำมัน
แต่ความจริงแล้ว รถใช้งานในปัจจุบันส่วนมากถูกออกแบบมาให้กินน้ำมันน้อยลง เวลาขับลงเนิน อยู่แล้ว
ยิ่งกว่านั้น การติดๆ ดับๆ เครื่องยนต์ ยังรบกวนระบบควบคุมการเคลื่อนที่และการขับขี่ปลอดภัยด้วย จึงดีกว่า ถ้าคนขับรถเข้าเกียร์ที่เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง ไม่ดับเครื่องโดยไม่จำเป็น
- เติมน้ำมันตอนเช้าดีกว่า
นอกจากการใช้น้ำมัน ก็มีความเชื่อเรื่องการเติมน้ำมันด้วยที่ว่า มวลน้ำมันจะขยายตัวมากขึ้นเมื่อเจอความร้อนระหว่างวัน ทำให้คนใช้รถได้ปริมาณน้ำมันน้อยกว่า หากเติมน้ำมันเวลาที่ใช้รถมาร้อนๆ ทั้งวันแล้ว
ในความเป็นจริง สถานีเติมน้ำมันฝังบ่อเก็บน้ำมันไว้ใต้ดินที่ลึกมาก มากพอที่จะรักษาอุณหภูมิให้คงที่หรือแกว่งน้อยมากจนไม่มีผลกระทบต่อการขยายหรือหดของมวลน้ำมัน
ทันทีที่น้ำมันไหลถึงถังน้ำมันของรถคุณ มันยังปรับสภาพอุณหภูมิให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ไม่ใช่สภาพที่ร้อนรุนแรงจนส่งผลขยายหรือหดมวลน้ำมันเช่นกัน
ดังนั้น ผู้ใช้รถสามารถเติมน้ำมันรถตอนไหนของวันก็ได้ ซึ่งถ้าอิงเรื่องเวลาจริงๆ ตอนที่ดีที่สุดแน่นอนเลย คือวันเวลาที่น้ำมันประกาศลดราคานั่นเอง
- สตาร์ทรถสักครู่ เพื่อวอร์มเครื่องยนต์
โดยเฉพาะในประเทศหรือพื้นที่อากาศหนาวเย็น จะเชื่อว่าสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อวอร์มเครื่อง จะดีต่อเครื่องยนต์มากขึ้นและช่วยลดการใช้น้ำมันได้ แต่นี่ไม่ใช่วิธีดูแลเครื่องยนต์หรือวิธีประหยัดน้ำมันแต่อย่างใด
กลับเป็นทางตรงกันข้าม การถนอมเครื่องยนต์หรือวิธีแก้รถซดน้ำมัน คือ ลดการจอดแช่ติดเครื่อง ให้น้อยที่สุด ทั้งน้อยเวลาและจำนวนครั้งเท่าที่ทำได้
- ปิดหน้าต่างให้สนิทเพื่อลดลมต้าน
คล้ายๆ กันกับข้อแรก ที่มีความเชื่อว่าการต้านลมมีผลต่อการใช้น้ำมัน แต่ในความจริงแล้ว ไม่มีผลเลยกับรถที่ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อน
พลาดไป 5 มาใช้ 5 วิธีประหยัดน้ำมัน ที่ถูกต้อง แทนดีกว่า
- ขับรถด้วยความเร็วคงที่
การออกตัวกระชาก เร่งเครื่องเพื่อเข้าโค้งแรงๆ หรือจู่ๆ เร่งความเร็วเครื่องยนต์ ทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขับรถด้วยความเร็วคงที่ ตั้งแต่เริ่มออกตัวจนถึงจอดเมื่อถึงที่หมาย ช่วยได้แน่นอน
- เอารถเข้าศูนย์เช็คสภาพให้เหมาะสมกับการใช้งาน
คนส่วนหนึ่งใช้วิธีเอารถเข้าศูนย์ ดูแลรักษาตามระยะเวลา เช่น 3 เดือน 6 เดือน แต่ช่วงเวลานำรถเข้าศูนย์ที่ดีกับรถมากที่สุด ควรยึดตามการใช้งานที่แท้จริง ซึ่งจะช่วยรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ที่จะช่วยลดการใช้น้ำมันได้มากที่สุดเช่นกัน
- บรรทุกเฉพาะที่จำเป็น
น้ำหนักบรรทุกมีผลต่อการเคลื่อนที่ของยานพาหนะโดยตรง มากกว่านั้น รถส่วนใหญ่มักบรรทุกของที่ไม่จำเป็นโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าสิ่งของแต่ละอย่างจะมีน้ำหนักไม่มาก แต่พอรวมๆ กันแล้วก็มีน้ำหนักมากเช่นกัน และอาจทำให้รถบรรทุกเกินน้ำหนักที่รถจะรองรับได้ไหว
คำแนะนำคือ ควรหมั่นตรวจสอบสิ่งของบนรถบ่อยๆ เพื่อให้รถมีเฉพาะของที่จำเป็นต่อการใช้งานจริง ซึ่งเราสามารถเห็นค่าน้ำมันที่ประหยัดมากขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป
- วางแผนเส้นทางดีๆ
การวางแผนเส้นทางขับขี่ล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดหรือมีปัญหา เช่น ก่อสร้างถนน ลดการใช้เวลาบนท้องถนน ซึ่งช่วยลดเวลาการใช้รถในเวลาเดียวกัน
ทุกวันนี้ มีเครื่องมือที่ช่วยวางแผนเส้นทางล่วงหน้า เช่น แอปพลิเคชันนำทาง รายงานสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ ที่เราสามารถเลือกใช้ได้ตามสะดวก
การวางแผนการเดินทางล่วงหน้ายังช่วยเรียบเรียงงานที่ต้องทำ ทำให้สามารถจัดกลุ่มงานที่ใช้เส้นทางเดียวกัน ช่วยลดการขับขี่ได้ด้วย
- ใช้เทคโนโลยีลดการใช้น้ำมัน
ปัจจุบันนี้ มีเทคโนโลยีมากมายหลายอย่างที่ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์หรือเครื่องจัก
ซึ่งสำหรับรถหรือยานพาหนะมีทั้ง รถประหยัดน้ำมัน หรือระบบติดตามรถ GPS แบบ Telematics ที่บันทึกติดตามข้อมูลการใช้เครื่องยนต์แบบเรียลไทม์ และประมวลผลข้อมูลออกมาที่บอกสภาพเครื่องยนต์ที่แท้จริง
ช่วยให้เจ้าของรถรู้ว่าควรใช้รถยังไงให้คุ้มค่าและดีที่สุด และดูแลรถยังไงให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยสามารถเรียกดูข้อมูลได้ตลอดเวลา
วิธีประหยัดน้ำมัน แบบยั่งยืน ด้วยการใช้ระบบทันสมัยที่มีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน ธุรกิจที่มีรถใช้งานหลายคันทราบดีว่า การบริหารรถใช้งานให้ดี คือ การจัดการและควบคุมต้นทุนในเวลาเดียวกัน
ดังนั้น พวกเขาจึงบริหารการใช้รถอย่างจริงจัง ความได้เปรียบคือ งานนี้ทำได้ไม่ยาก เพราะมีระบบบริหารจัดการรถให้เลือกใช้งาน และปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการใช้งานของแต่ละธุรกิจแล้ว
ระบบบริหารจัดการยานพาหนะ Cartrack ติดตามการใช้รถและพฤติกรรมการขับขี่ทุกการเดินทาง และส่งเข้าระบบให้ผู้ดูแลรถสามารถเรียกดู เพื่อวิเคราะห์และพัฒนาการขับขี่ที่ปลอดภัยและประหยัดมากขึ้นได้ทุกเวลา ฟังก์ชันที่ผู้ดูแลระบบอยู่หลังบ้าน ใช้งานบ่อยๆ เช่น
ติดตามและวิเคราะห์การใช้น้ำมัน
Cartrack ติดตามการใช้น้ำมันแบบเรียลไทม์ ระบบแสดงความเคลื่อนไหวของน้ำมันชัดเจน เช่น กราฟน้ำมัน หน่วยน้ำมันเป็นลิตร ฯลฯ
อีกทั้งยังสามารถเสริมประสิทธิภาพการติดตามด้วย MiFleet ฟีเจอร์ติดตามต้นทุนน้ำมันและยานพาหนะโดยเฉพาะ ที่วิเคราะห์การใช้น้ำมัน ควบคุมการใช้ และการเติมน้ำมันอย่างละเอียด
ทำให้ธุรกิจปรับปรุงการใช้น้ำมันได้ประหยัดและคุ้มค่าที่สุด รวมถึงตรวจจับการทุจริตน้ำมันและการใช้รถได้อย่างแม่นยำด้วย
อบรมคนขับและสร้างแผนพัฒนาการขับขี่
คนขับรถ คือ ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการใช้น้ำมัน Cartrack ติดตามและเก็บข้อมูลการขับขี่ ที่เจ้าของรถหรือผู้ดูแลระบบการใช้รถสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพการใช้รถ
สิ่งที่คนขับทำได้ดี สิ่งที่ควรแก้ไข อย่างละเอียด เป็นตัวเลข ปริมาณ ความถี่ต่างๆ ชัดเจน
และระบบติดตามพัฒนาการของคนขับ ซึ่งช่วยสร้างแผนพัฒนาคุณภาพการขับขี่ให้คนขับได้อย่างชัดเจนเที่ยงตรงเป็นกลาง ลดความตึงเครียดในบรรยากาศการทำงานและดูแลภาคขนส่งได้อย่างยั่งยืน
ดูแลสภาพเครื่องยนต์และยืดอายุการใช้งานได้มากขึ้น
Cartrack มีระบบบำรุงรักษาเครื่องยนต์เชิงป้องกัน หรือการดูแลสภาพเครื่องยนต์เป็นระยะ เพื่อตรวจสอบสภาพ
หากพบชิ้นส่วนสึกหรอเบื้องต้น ก็สามารถแก้ไขได้ทันท่วงที ช่วยประหยัดค่าซ่อมแซมใหญ่ ลดโอกาสรถเสียกะทันหันซึ่งหมายถึงโอกาสการใช้งานรถ
ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อรถคันใหม่ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่สำหรับธุรกิจด้วย
รักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ถือเป็นเป้าหมายใหม่ที่สำคัญของธุรกิจจำนวนมากในปัจจุบัน จากสภาวะโลกร้อนและแปรปรวนที่รุนแรงมากขึ้นทุกปี และเป็นกิจกรรมตอบแทนสังคม หรือ CSR ที่ทำได้ง่ายและให้ผลตอบแทนในวงกว้างได้คุ้มค่าที่สุดด้วย
Cartrack เป็นระบบจัดการการใช้รถที่ตอบโจทย์การดูแลสภาพแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และใช้ได้กับรถพลังงานไฟฟ้า หรือ EV ด้วย
ซึ่งแผนการดูแลและผลลัพธ์ สามารถสรุปออกมาเป็นรายงานอย่างชัดเจน ใช้ในการวางแผนต่อหรือประกอบเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม CSR ได้อย่างเป็นรูปธรรมด้วย
ขับรถยังไงให้ประหยัดน้ำมัน ขับด้วย Cartrack
การขับรถเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้น้ำมันหรือเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน นั่นคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น การใช้ระบบเข้ามาช่วยจัดการ จึงเป็นวิธีที่นิยมใช้มากขึ้น
เพราะเป็นการลงทุนครั้งเดียวแต่ให้ผลตอบแทนที่ชัดเจนและยั่งยืนระยะยาว สอบถามข้อมูลระบบติดตามยานพาหนะของ Cartrack และทดลองใช้กับธุรกิจคุณได้ตั้งแต่ตอนนี้ ติดต่อ Cartrack