เติมน้ำมัน อย่างไรให้ประหยัดและช่วยรักษาระบบการจ่ายน้ำมันของรถ ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อน ไปดูเคล็ดลับทั้ง 9 อย่างนี้พร้อมกันเลยครับ
สำหรับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะต่างพากันมองหาวิธีที่ช่วยให้การเติมน้ำมันทุกครั้งช่วยเซฟค่าใช้จ่ายรายวัน-รายเดือนได้ยิ่งขึ้น เรามาดูกันว่ากูรูด้านรถยนต์และเชื้อเพลิง ได้กล่าวถึงเทคนิคการ เติมน้ำมัน ให้ประหยัดไว้ว่าอย่างไรบ้าง
การเติมน้ำมันทุกครั้งหากไม่ซีเรียสเรื่องเงิน ก็ถือว่าการเติมน้ำมันครึ่งถังหรือ 1 ถังเต็ม ไม่มีผลต่อน้ำหนักรถ ไม่เป็นปัญหาให้รถต้องเพิ่มการเผาผลาญเชื้อเพลิงมากขึ้น เพราะหากคำนวณดูง่าย ๆ รถทั่วไป ถังน้ำมันขนาดไม่เท่ารถบรรทุกหรือรถกระบะ มีถังน้ำมันที่จุได้ 40 – 60 ลิตร ส่วนรถใหญ่จะบรรจุได้ถึง 80 ลิตร โดยน้ำหนักของน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นจะเพิ่มน้ำหนักให้ตัวรถไม่เกิน 10 กิโลกรัม จึงไร้ปัญหาข้อแรกที่หลายคนกังวลจนไม่กล้าเติมน้ำมันเต็มถังได้เลย
รู้ไหมว่าเติมน้ำมันแค่นิดหน่อย ๆ หรือครึ่งถัง นอกจากต้องเสียเวลาต่อคิว รอรถคันอื่นจอดตามปั้มน้ำมัน เมื่อมีประกาศจากทางการฯ ว่าค่าน้ำมันจะลดลงเพียง หลักสตางค์ จะเพิ่มการเผาผลาญเชื้อเพลิงไปโดยสิ้นเปล่ามากขึ้นตามเวลาที่ต่อคิว
นอกจากเติมน้ำมันแบบครึ่ง ๆ ถังจะมีผลเสียแล้ว ยังทำให้กระบวนการเคลื่อนไหลของน้ำมันที่ต้องผ่านปั้มติ๊กมีปัญหา เนื่องจาก น้ำมันที่มีน้อยทำให้ปั้มติ๊กทำงานหนักมากขึ้น เพื่อที่ต้องพยายามสูบน้ำมันที่อยู่ต่ำลงไปขึ้นมาใช้
ทั้งยังทำให้ขาดน้ำมันในระบบเพื่อลดความร้อนและหล่อลื่นตัวปั้มติ๊ก จึงทำให้ตอบคำถามได้ว่าเหตุใด การเติมน้ำมันทีละน้อย ๆ หรือเกือบปล่อยให้น้ำมันแห้ง ทำให้ปั้มติ๊กเสื่อมสภาพลำให้รถต้องซ่อมบำรุงกันบ่อย หากประหยัดค่าน้ำมันที่ต้องจ่ายทีละน้อย ๆ แต่ต้องไปจ่ายค่าซ่อมบำรุงงานใหญ่กันขนาดนี้ คงไม่เรียกว่าประหยัดได้จริง
การเติมน้ำมันแต่ละครั้งไม่ควรให้น้อยเกินไป เพราะจะทำให้ระบบลูกลอยที่ทำหน้าที่วัดระดับน้ำมัน เสียหายไปด้วย เพราะหากน้ำมันในถังเชื้อเพลิงมีน้อย เกจวัดขึ้นในระดับต่ำ แล้วผู้ขับขี่รถยนต์เหยียบคันเร่งด้วยความเร็วสูง ซึ่งบังเอิญว่าเป็นช่วงที่ต้องวิ่งผ่านถนนขรุขระ ดินลูกรัง หรือมีอุปกรณ์จราจรเพื่อลดความเร็วติดตั้งที่พื้นเป็นระยะ ๆ
จะทำให้ลูกลอยเกิดการกระดกอย่างแรง หรือเรียกว่าเป็นการสั่นสะเทือนที่ทำให้ลูกลอยหลุดออกมาได้ซึ่งส่งผลต่อมาให้ปรากฏบนหน้าปัด หรือเกจบนคอนโซลว่า น้ำมันในถังกับเกจวัดไม่ตรงกัน หรือทำให้เราเข้าใจว่า เกจวัดระดับน้ำมันไม่เที่ยง หรือ เกจวัดเสีย ทำให้ต้องปรึกษาช่าง เสียค่าซ่อมบำรุงอีกเช่นกัน
การเติมน้ำมันไม่ควรเติมขณะที่มีน้ำมันเกือบเต็มถัง เรียกว่าเป็นความพยายามที่ส่งผลเสียหายมากกว่าผลดี เช่น หลายคนจะไปต่างจังหวัดไกล ๆ ก็จะกลัวว่าจะหาปั้มเติมน้ำมันเชื้อเพลิงยาก เลยพยายามเติมให้เต็ม ผ่านปั้มจุดใด นอกจากเข้าห้องน้ำแล้ว ยังเติมอาหารลงท้อง และเติมน้ำมันให้เต็มที่สุด
แบบนี้จะเสี่ยงมากที่ไอระเหยของน้ำมัน เวลาเผาผลาญจะลอยขึ้นไปด้านไปทำให้เครื่องยนต์ภายในเกิดปัญหา รวมทั้งอย่าลืมว่ารถไม่ได้จอดนิ่ง ๆ เหมือนสภาพรถติดในกรุงเทพฯ ตลอดเวลา ดังนั้น ทุกครั้งที่มีการวิ่ง มีการเบรก หรือเจอความไม่เรียบของพื้นถนน หรือ มีลูกระนาดที่ใด น้ำมันที่เต็มถังมาก ๆ ก็จะกระฉอก หรือรั่วซึมออกมาจากฝา ทำให้เกิดการรั่วไหลลงมาจากตัวถังรถ เสี่ยงต่อการเกิดประกายไฟ เวลาเติมน้ำมันครั้งหน้า ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
โดยยังไม่นับว่าทำให้เกิดความเลอะเทอะเปรอะเปื้อน และทำให้สีรถเสื่อม หรือสีไม่เรียบเนียนเสมอ ทำคุณต้องทำสีรถ แต้มจุด โป๊วสีกันให้วุ่นวายในภายหลัง และอย่าลืมว่าหากนำรถนี้ไปขายต่อมือสอง การที่มีสีรถไม่สม่ำเสมอ ก็จะทำให้รถของคุณราคาตกลง มากกว่ารถที่ยังสมบูรณ์แบบ ทั้งที่ผลิตในปี พ.ศ. เดียวกัน (ทั้งนี้ยังไม่นับความเสื่อมของสภาพตัวถัง และเครื่องยนต์ต่าง ๆ ภายใน)
การเติมน้ำมันที่ประหยัดเหมาะสม จึงควรอยู่ที่ 3 ใน 4 ส่วนของระดับถังเชื้อเพลิง และควรพยายามให้อยู่ในเกณฑ์นี้ตลอด ซึ่งกูรูบางท่านก็แนะนำให้เติมเมื่อขับไปแล้วสังเกตที่เกจน้ำมันแล้วพบว่าเหลือเพียง 1 ใน 4 ส่วนของตัวถัง ก็ค่อยเติมน้ำมัน แบบนี้ก็เป็นเทคนิคที่เหมาะสม นอกจากช่วยประหยัดเวลา (กรณีเติมทีละน้อย แต่ต้องคอยคิวนาน) ยังช่วยให้รถยนต์มีการหล่อลื่นตลอดเวลา เป็นการถนอมคุณภาพของเครื่องยนต์ในระยะยาวด้วย
นอกจากนี้ยังมีอีก 3 เคล็ดลับเพิ่มเติม คือ :
จะเห็นได้ว่า เทคนิคเติมน้ำมันอย่างประหยัด ต้องคำนึงถึงข้อดีข้อเสียด้านต่าง ๆ และใส่ใจเทคนิคที่กูรูด้านรถยนต์แนะนำ และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องยนต์ให้มากขึ้น เพราะรายละเอียดบางสิ่ง เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยประสบการณ์จากผู้รู้ประกอบกับพื้นฐานทางกลไกของเครื่องยนต์
ทั้งนี้ เพื่อให้คุณสามารถเติมน้ำมันได้ประหยัดคุ้มค่า และยังได้รักษาเครื่องยนต์ให้สามารถทำงานให้คุณได้ดีอย่างยาวนาน ที่สำคัญ สามารถขายต่อได้ราคา หากใช้ไปหลายปี จนค่าความเสื่อมอาจเกินหน้ามูลค่าของรถ แต่อย่างไรก็ตามหลายคนเลือกที่จะรักษารถรุ่นเก่าเก็บไว้เป็นที่ระลึก โดยเฉพาะรถคันโปรด ก็นับว่าเป็นงานอดิเรกที่น่าชื่นชม และยิ่งต้องใส่ใจเทคนิคเติมน้ำมันที่เหมาะสมให้มากขึ้นเสียแต่วันนี้
เติมน้ำมัน อย่างไรให้ประหยัดและช่วยรักษาระบบการจ่ายน้ำมันของรถ ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อน ไปดูเคล็ดลับทั้ง 9 อย่างนี้พร้อมกันเลยครับ