BLOGS

แนะนำ! รถประหยัดน้ำมัน

คุณต้องการให้ คาร์แทรค ช่วยเหลือเรื่องอะไร?

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

น้ำมันเป็นพลังงานที่มีค่า เพราะนอกจากจะต้องใช้เวลาก่อกำเนิดเป็นล้านปี ทำให้น้ำมันเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดในบางพื้นที่ของโลกแล้ว มันยังมีราคาสูงอีกด้วย ถึงกระนั้นรถยนต์ก็จำเป็นต้องใช้น้ำมันเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนหลัก ในปัจจุบันจึงมีการพัฒนารถประหยัดน้ำมันขึ้น เพื่อถนอมทรัพยากรสำคัญของโลก อีกทั้งยังช่วยให้คุณสบายกระเป๋าเวลาเติมน้ำมันอีกด้วย

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าน้ำมันที่ใช้กับรถยนต์พอจะแบ่งออกได้เป็น 2 แบบคือน้ำมันเบนซินและดีเซล น้ำมันเบนซินเป็นของเหลวไวไฟที่มีน้ำหนักเบามีไอระเหย เหมาะสมกับเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบสันดาปภายในโดยใช้หัวเทียนเป็นตัวจุดประกายไฟเพื่อการจุดระเบิด

ส่วนน้ำมันดีเซลเป็นของเหลวที่ทนความร้อนสูงแต่เมื่อความร้อนสูงถึงจุด ๆ หนึ่ง มันจะเกิดการลุกไหม้ขึ้นด้วยตัวเองโดย นับเป็นการเผาไหม้ที่สมบูรณ์แบบโดยที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดช่วย รถดีเซลจึงไม่มีหัวเทียน มีแค่หัวฉีดน้ำมันเท่านั้น สำหรับรถประหยัดน้ำมัน จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เพิ่มเติมที่ช่วยให้ใช้น้ำมันน้อยลง

ในบทความนี้เราจะกล่าวถึงเฉพาะรถที่ใช้น้ำมันล้วน ๆ ทั้งเบนซินและดีเซล แต่จะไม่กล่าวถึงรถที่ใช้พลังงานอื่นควบคู่กับน้ำมัน เช่น รถไฮบริดที่ใช้ไฟฟ้าสลับกับน้ำมันในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์ มาดูกันเลยว่ารถที่กินน้ำมันล้วน ๆ และประหยัดน้ำมัน มียี่ห้อไหนน่าใช้บ้าง

เครื่องยนต์เบนซิน

Toyota Yaris
รถมีเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบ Double Over Head Camshafts (DOHC 16 วาล์ว) โดย Dual VVT-i หมายถึง ระบบควบคุมอัจฉริยะคำนวณหารอบของเครื่องยนต์เพื่อสั่งให้ลิ้นปีกผีเสื้อเปิดปิดได้อย่างเหมาะสมตามอัตราเร่งของเครื่องยนต์ และรถยนต์รุ่นนี้ยังให้แรงม้าสูงสุด 86 แรงม้า

แถมยังมีระบบส่งกำลังแบบ CVT-i ซึ่งเป็นระบบเกียร์แปรผันที่ทำให้เข้าเกียร์ง่าย ช่วงจังหวะเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล มีระบบเสริมแรงเบรกแบบ BA ถุงลมนิรภัยคู่ด้านหน้า พร้อมระบบเบรก ABS/EBD ที่สำคัญ Toyota Yaris สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กิโลเมตรต่อลิตร

Suzuki Swift
เป็นรถประหยัดน้ำมันอีกรุ่นหนึ่งที่มีราคาเพียง 499,000 – 629,000 บาท มันเป็นรถ Eco Car ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ระบบหัวฉีดคู่ ขนาด 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังงานมากถึง 83 แรงม้า Suzuki Swift มีกำลังอัดมากขึ้นจากเดิมที่ 11.0:1 ขยับขึ้นมาเป็น 12.0:1 กำลังอัดที่เพิ่มขึ้นนี้จะทำเกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์กว่าเดิม

และผลจากการใช้ระบบหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบคู่นี้เองที่ทำให้รถรุ่นนี้ประหยัดน้ำมันได้ถึง 23-25 กิโลเมตรต่อลิตรเลยทีเดียว

Nissan Note
รถประหยัดน้ำมันเครื่องยนต์ HR12DE 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร 12 วาล์ว กำลัง 79 แรงม้า น้อยกว่าตัวแรกและตัวที่สองที่เพิ่งแนะนำไปนิดหน่อย แต่ก็เป็นรถโดยสารที่ใช้งานบนถนนในเมืองได้แบบสบาย ๆ ให้แรงบิดสูงสุดที่ 4000 รอบ/นาที อัตราเร่งเพื่อให้แรงบิดสูงขึ้นดีในรอบเครื่องยนต์ต่ำ ปล่อยไอเสียออกมาไม่เกิน 120 กรัมต่อกิโลเมตร เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เทียบเท่ามาตรฐานยุโรปเลยทีเดียว

รุ่นนี้เป็นเกียร์ออโต้แบบ CVT (XTRONIC CVT D-STEP LOGIC) มิหนำซ้ำยังมีระบบ Idling Stop ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดน้ำมันและลดการปล่อยไอเสีย หมายความว่าระบบจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ในขณะที่รถจอดสนิท แต่ระบบไฟฟ้าอื่น ๆ จะยังคงทำงานต่อ และจะสตาร์ทเครื่องใหม่เมื่อผู้ขับขี่ต้องการให้รถเคลื่อนตัวเท่านั้น รถรุ่นนี้กินน้ำมันประมาณ 20 กิโลเมตรต่อลิตร

เครื่องยนต์ดีเซล

ISUZU D-MAX 1.9 DDi BLUE POWER
หัวใจที่สำคัญของ ISUZU D-MAX 1.9 DDi BLUE POWER ก็คือเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบขนาดเล็กรุ่นล่าสุด 1.9 DDi Blue Power ที่มีปริมาตรความจุเพียง 1,900 ซีซี ซึ่งให้กำลังขับสูงสุดถึง 150 แรงม้า ที่มีแรงบิดพุ่งทะยานไปถึง 350 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างมากสำหรับเครื่องยนต์ขนาดเกือบ 2.0 ลิตร

ความลับของรถประหยัดน้ำมันอีซูซุรุ่นนี้ คือ ห้องเผาไหม้รุ่นนี้มีการปรับทางเดินของไอดีให้เข้าไปยังห้องเผาไหม้ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น อีกยังชุดวาล์วยังใช้กระเดื่องลูกกลิ้งที่มีการปรับตั้งระยะห่างของวาล์วพร้อมระบบปรับตั้งความตึงของสายพานอัตโนมัติ และมีระบบ Hydraulic Lash Adjuster ที่ทำให้การรักษาระยะห่างของวาล์วมีความเหมาะสมอยู่ตลอดเวลา

อีกทั้งชิ้นส่วนต่าง ๆ ของลูกสูบก้านสูบยังถูกเคลือบด้วยสารที่ช่วยลดการขยับตัวของประกับก้านสูบและลดแรงเสียดทางขณะเครื่องยนต์กำลังทำงาน ชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วย Timing Gear and Chain จัดเต็มกับระบบปรับตั้งความตึงของโซ่อัตโนมัติ แถมมีช่องกับเก็บน้ำมันหล่อลื่นบริเวณเสื้อสูบเพื่อลดการสึกหรอ บวกกับระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูงด้วยหัวฉีดอัจฉริยะทำให้ประหยัดน้ำมันถึง 18 กิโลเมตรต่อลิตร หากขับที่ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่าคิดว่าช้า เพราะนี่คือความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดไว้

Toyota Hilux Revo
เป็นรถประหยัดน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีปุ่ม Eco Mode และ Power Mode หากคุณต้องการประหยัดน้ำมันก็แค่กดปุ่ม Eco Mode มันจะทำให้กล่อง ECU สั่งการไปยังเครื่องยนต์ ให้ฉีดน้ำมันน้อยลง หากคุณเหยียบคันเร่ง มันจะเร่งรอบเครื่องให้คุณก่อน แต่สักพักก็จะกลับเข้ามาอยู่ในอัตราที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุดอยู่ดี โหมดนี้มีข้อดี คือ ช่วยประหยัดพลังงาน แต่มีข้อเสีย คือ รถจะเร่งไม่ขึ้น แต่จะเป็นไรไป คุณไม่ได้จะไปขับรถแข่งกับใครที่ไหนนี่นะ สำหรับเครื่อง 2.4 MT กินน้ำมัน 13 กิโลเมตรต่อลิตร กดปุ่ม Eco กินน้ำมัน 15.5 กิโลเมตรต่อลิตร ที่ความเร็ว 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

การเลือกซื้อรถประหยัดน้ำมันนอกจากจะต้องพิจารณาถึงอัตราการเผาผลาญเชื้อเพลิงแล้ว ยังต้องพิจารณาถึงการใช้งานด้วยว่าแบบไหนถึงจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ หวังว่ารถทั้ง 5 รุ่นที่นำมาแนะนำในวันนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านทุกคนบ้าง ไม่มากก็น้อย

อย่าพลาดโอกาสในการทดลองใช้งาน GPS ฟรี กับ คาร์เเทรค

ทดลองใช้ฟรี !

ในปัจจุบันมีการพัฒนารถประหยัดน้ำมันขึ้น เพื่อถนอมทรัพยากรสำคัญของโลก อีกทั้งยังช่วยให้คุณสบายกระเป๋าเวลาเติมน้ำมันอีกด้วย