นอกจากจัดสรรการใช้รถให้ใช้งานได้คุ้มค่ามากที่สุด การคิดหาวิธีประหยัดน้ำมันรถ ก็เป็นหนึ่งในหน้าที่สำคัญของผู้จัดการรถในองค์กรหรือธุรกิจมักได้รับมอบหมาย หรืออาจสำคัญรอง ๆ ลงมาจากการจัดการใช้รถก็ว่าได้
ซึ่งแค่จัดการน้ำมันรถให้ดี ก็สามารถประหยัดน้ำมันรถได้แล้ว แต่นอกจากความประหยัด ยังมีข้อดีอื่น ๆ ด้วย ที่ธุรกิจส่วนใหญ่ยังไม่รู้ บทความคาร์แทรคตอนนี้ชวนมาดูกันว่า 5 ข้อดีของการมีระบบจัดการน้ำมัน ที่ได้มากกว่าแค่ประหยัด มีอะไรบ้าง
ก่อนจะเข้าสู่เรื่องการจัดการน้ำมัน “การจัดการยานพาหนะ” เป็นข้อมูลหลักที่ธุรกิจควรทราบก่อน
เพราะการจัดการยานพาหนะ คือการติดตามยานพาหนะในทุกกิจกรรม และรวบรวมข้อมูลที่สำคัญ โดยเฉพาะกิจกรรมที่รถหรือพนักงานขับรถมีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงด้วย
ด้วยเหตุนี้ การจัดการยานพาหนะกับการจัดการค่าน้ำมัน จึงเกี่ยวข้องกันชนิดที่แยกออกจากกันไม่ได้เลย
ข้อมูลจากระบบการจัดการยานพาหนะที่เกี่ยวกับการใช้น้ำมัน เช่น:
น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นองค์ประกอบสำคัญของยานพาหนะ และมีผลต่องบประมาณค่าขนส่งเป็นอย่างมาก จึงเป็นเหตุผลที่ต้องมีการจัดการน้ำมันโดยเฉพาะ
โดยทั่วไปแล้วการจัดการการใช้น้ำมันนี้จะรวมอยู่ในการจัดการยานพาหนะ ซึ่งในระบบจัดการยานพาหนะแบบเทเลเมติกส์จะมีระบบจัดการน้ำมันรวมอยู่ด้วยเสมอ
สำหรับข้อมูลการใช้น้ำมันที่ธุรกิจที่ใช้ระบบจัดการยานพาหนะแบบเทเลเมติกส์จะได้รับแน่นอน ได้แก่
ระบบจัดการยานพาหนะแบบเทเลเมติกส์ ยังเชื่อมโยงข้อมูลการใช้งานยานพาหนะที่น่าสนใจเข้าด้วยกันและแสดงผลให้ผู้ใช้งานทราบได้ด้วย เช่น ระดับการใช้น้ำมันเกี่ยวข้องกับลมยาง การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ น้ำหนักรวมรถ ฯลฯ
ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงมีแนวโน้มสูงขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมธุรกิจจึงวางแผน ตั้งงบประมาณคำนวณค่าน้ำมัน และจัดสรรค่าใช้จ่ายอย่างจริงจัง การติดตามการใช้ยานพาหนะดังต่อไปนี้ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
1. พฤติกรรมการขับขี่
ระบบจะติดตาม บันทึก และแสดงผลการขับขี่ของผู้ขับขี่แต่ละคน ชี้ให้เห็นถึงจุดที่ควรแก้ไข หรือสาเหตุของพฤติกรรมการขับขี่ที่อาจอยู่นอกเหนือการควบคุมไปเลย เช่น สภาพการจราจร
ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็ช่วยให้ธุรกิจรู้ว่า ต้องปรับปรุงด้านใดมากกว่า เช่น การเปลี่ยนเส้นทางการขับขี่ และปรับแผนงานได้ไวขึ้น
2. การตรวจสอบสภาพรถ
การขับขี่ที่ไม่ดี ทำให้รถเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ การติดตามการใช้รถจะแจ้งเตือนพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ดี ช่วยให้ลดพฤติกรรมลง สภาพรถก็จะดีขึ้น
การติดตามการใช้รถ ยังบันทึกสภาพเครื่องยนต์ ณ ปัจจุบัน ช่วยลดการส่งรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจสอบ ซึ่งลดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงและเวลาส่งซ่อมได้ด้วย
3. การวางแผนและปรับปรุงเส้นทางการขับขี่
การติดตามการใช้รถ ช่วยให้เห็นลักษณะการขับขี่ในแต่ละวัน และสำหรับธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ส่วนใหญ่ มักขนส่งไปยังจุดหมายเดิมอยู่แล้ว
การมีข้อมูลนี้ ธุรกิจจะสามารถวางแผนและปรับปรุงเส้นทางการขับขี่ให้ดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีเส้นทางเดิมเป็นเส้นทางที่กินน้ำมันมาก หรือมีจุดหมายใหม่ที่ต้องไปส่งเพิ่ม
ระบบจัดการยานพาหนะ CARTRACK เป็นมากกว่าจีพีเอสติดรถ ด้วยระบบติดตามการใช้รถและการใช้น้ำมัน ที่ติดตามข้อมูลแบบเรียลไทม์
เป็นผู้ช่วยอัตโนมัติที่จัดการยานพาหนะให้ธุรกิจตลอด 24 ชม. ที่ช่วยดูแลรถให้และให้ธุรกิจไม่พลาดข้อมูลสำคัญ และที่สำคัญ ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน เห็นผลตั้งแต่เดือนแรกที่ใช้งาน
สนใจบริการติดตั้ง GPS จากบริษัท GPS ที่กรมขนส่งทางบกรับรอง สามารถกรอกข้อมูลที่ฟอร์มด้านบน หรือคลิกทดลองใช้ฟรี เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ GPS ติดตามรถ CARTRACK ติดต่อกลับ หรือติดต่อเข้ามาด้วยตนเองที่หมายเลข 02-136-2920 , 02-136-2921 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.30 น.
พิเศษสำหรับคุณ รับโปรโมชันติดตั้ง GPS ติดตามรถ จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานรถในธุรกิจของคุณไปกับเราวันนี้
ติดตาม CARTRACK (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที
รู้จัก ระบบจัดการน้ำมัน มีข้อดีที่ช่วยธุรกิจมีรถให้ได้รับมากกว่าการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างไร ใช้จัดการยานพาหนะ และดูแลพนักงานขับรถได้ด้วยจริงเหรอ?