BLOGS

7 ข้อควรทำ เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถโดนชน!

สนใจใช้งาน GPS ติดรถ Cartrack วันนี้ ปรึกษาฟรี!

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

รถโดนชน อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งอาจจะเป็นการเฉี่ยวชนเพียงเล็กน้อย ดังนั้นเราควรรู้วิธีการรับมือเบื้องต้น เพื่อควบคุมสถานการณ์เฉพาะหน้า

รถโดนชนต้องทำอย่างไร? ถือเป็นคำถามที่พบเจอได้บ่อยครั้งเลยทีเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ กับการขับรถบนท้องถนนที่ผู้คนต่างก็รีบเร่งให้ไปถึงยังจุดหมาย จนละเลยกฎและข้อบังคับทางจราจรต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติ อันเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ตามมา 

โดยเฉพาะกับกรณีที่เราเป็นฝ่ายถูกชน ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่สร้างความหงุดหงิดใจให้กับเจ้าของรถเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะต้องเสียอารมณ์แล้ว ยังต้องมาเสียเวลาเคลียร์กับคู่กรณีอีก ยิ่งถ้าไม่ได้ติดกล้อง GPS ติดรถ ไว้เป็นหลักฐานละก็ อาจทำให้การเจรจายุ่งยากขึ้นไปอีก หากเราเจอคู่กรณีที่พูดคุยด้วยยาก

ดังนั้น บทความคาร์แทรคตอนนี้ จึงขอนำความรู้ดี ๆ กับข้อควรปฏิบัติเมื่อรถโดนชนมาแนะนำให้คุณได้ทราบกัน

วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง หากเกิดกรณีรถโดนชน

หากคุณยังไม่เคยเจอใครมาชนท้ายรถของคุณ ถือว่าคุณเป็นผู้โชคดีมาก ๆ เพราะส่วนใหญ่แล้ว หลายคนที่ใช้รถก็อาจจะต้องเคยเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้กันมาไม่มากก็น้อย และวันนี้เราก็มีวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องเมื่อรถโดนชนมาบอกกัน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเอาไว้แต่เนิ่น ๆ เพราะเมื่อถึงคราวประสบเหตุการณ์ด้วยตัวเอง คุณจะได้เตรียมรับมือได้อย่างถูกต้องนั่นเอง

1. ให้ตั้งสติและรีบหยุดรถทันที

เมื่อคุณรู้ตัวว่าถูกรถคันอื่นมาชน ให้คุณตั้งสติให้ดี แล้วจากนั้นให้รีบหยุดรถ พร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน แม้ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่เล็กน้อยและไม่ร้ายแรง แต่การหยุดรถในจุดเกิดเหตุ จะทำให้ตัดสินใจได้ง่ายว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุและใครเป็นผู้เสียหาย ในกรณีนี้หากผู้ขับรถชนคุณขับหนีไป ให้คุณจดจำทะเบียนคันที่มาชนคุณไว้เพื่อแจ้งกับเจ้าหน้าที่ในภายหลัง ไม่ควรขับตามกัน เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุอื่น ๆ ตามมาได้

2. ไม่พูดโทษคู่กรณี

เรื่องคำพูดเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน หลายคนระงับสติไม่ได้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุทีไรก็จะลงไปต่อว่าคู่กรณีทำให้เกิดปากเสียงกัน ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ลักษณะรถโดนชน คุณไม่ควรกล่าวโทษคู่กรณี หรือด่าทอว่ากล่าวอีกฝ่ายอย่างเสีย ๆ หาย ๆ ควรตั้งสติและระวังคำพูดให้มากที่สุด 

จากนั้นลองมาสังเกตความเสียหายที่ตัวรถ และถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้คู่กรณีชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น

3. โทรเรียกตำรวจ

เมื่อคุณตั้งสติได้แล้ว ไม่ว่าจะตกลงกันได้หรือตกลงกันไม่ได้ก็ตาม ให้คุณรีบกดโทรศัพท์โทรหาตำรวจ ไม่ว่าอุบัติเหตุนั้นจะเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อยแค่ไหน ทั้งนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามกฎหมายที่ควรจะเป็น อย่าเชื่อคำอ้างของคู่กรณีที่ว่า ตัดสินกันเองก็ได้ ไม่ต้องโทรหาตำรวจ เพราะผู้เสียหายจะเสียเปรียบในรูปคดีในชั้นศาลทันที เนื่องจากไม่มีเจ้าหน้าที่พยานยืนยันนั่นเอง

4. เล่ารายละเอียดความเป็นจริงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

การเล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้นจริงให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นสิ่งจำเป็น ผู้เสียหายไม่ควรบิดเบือนสิ่งที่เกิดขึ้น ควรเล่าตามความเป็นจริง พร้อมแจ้งชื่อ-นามสกุลกับเลขทะเบียนรถ และชื่อประกันกับทางเจ้าหน้าที่ เช่นเดียวกับคู่กรณีของคุณ ที่จำเป็นจะต้องแจ้งชื่อ-นามสกุล เลขทะเบียนรถและชื่อประกันกับทางเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจน

5. ติดต่อประกัน

ในกรณีที่คุณเป็นผู้เสียหาย คุณจะได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งเป็น พ.ร.บ. ที่ทำให้ผู้เสียหายสามารถเรียกค่ารักษาพยาบาล ค่าทำให้เสียเวลาและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากคู่กรณีโดยถูกต้องตามกฎหมายได้ ซึ่งเป็นส่วนที่คุณจำต้องพูดคุยตกลงกับคู่กรณี หรือให้ทางเจ้าหน้าที่ประกันภัยเป็นผู้ดูแลและแนะนำคุณในส่วนนี้ ซึ่งหากคุณเป็นผู้เสียหายจริง คุณก็จะได้รับเงินในส่วนชดเชยนี้อย่างแน่นอน

อ่านบทความเกี่ยวกับ : การเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ

6. หากได้รับบาดเจ็บจากการถูกชน ให้รีบไปพบแพทย์

อย่าชะล่าใจ หากคุณได้รับบาดเจ็บจากการถูกชน เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ไม่ไปพบแพทย์ให้ทันเวลา การเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีในภายหลังจะเป็นไปได้ยากมากขึ้น และการบาดเจ็บเล็กน้อยนั้นก็อาจมีการอักเสบหรือติดเชื้อรุนแรงขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วย

7. หากมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ต้องรีบแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ทันที

ในกรณีรถคันที่ถูกชนมีผู้บาดเจ็บหนักหรือเสียชีวิต นอกจากจะนำส่งโรงพยาบาลแล้ว ควรแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที เพื่อดำเนินคดีความตามกฎหมายต่อไป

นี่คือข้อจำเป็นที่ผู้ใช้รถจะต้องพึงระลึกและนำไปปฏิบัติในการใช้รถใช้ท้องถนนในแต่ละวัน เพราะหากคุณประสบอุบัติเหตุแบบไม่คาดคิด สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณสามารถตัดสินใจเป็นขั้นเป็นตอนได้ง่ายมากขึ้น และไม่ทำให้เกิดอาการตระหนกจนขาดสติอีกด้วย

กล้องบันทึกในรถ ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าที่คุณคิด

นอกจากการปฏิบัติตัวอย่างมีสติแล้ว การติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นก็ถือเป็นสิ่งที่ควรทำเช่นกัน สำหรับผู้ขับขี่รถท่านใดที่ยังไม่ได้ติดกล้องในรถ คาร์แทรค (Cartrack) แนะนำว่าให้รีบไปหามาติดให้ไว เพราะกล้องติดรถถือเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้แล้วในทุกวันนี้ 

นอกจากจะช่วยบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะขับขี่แล้ว เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างกล้อง GPS ติดรถ ยังสามารถติดตั้งแทนกล้องวงจรปิดติดรถ เพื่อใช้ตรวจสอบและติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามจุดต่าง ๆ ในยานพาหนะได้อีกด้วย

ยกตัวอย่างเช่น รถบรรทุกที่ใช้ในธุรกิจขนส่ง อาจมีมุมอับสายตาหลายจุด เช่น บริเวณถังน้ำมัน ภายในตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งการติดกล้องที่บริเวณเหล่านี้จะทำให้คุณมองเห็นความเป็นไปแบบเรียลไทม์ หรืออาจจะบันทึกภาพความผิดปกติที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดได้ เช่น การขโมยน้ำมัน ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสินค้าระหว่างการขนส่ง เป็นต้น

Cartrack เราเป็นมากกว่าผู้ให้บริการระบบ GPS ติดตามรถและระบบจัดการยานพาหนะ เราคือบริษัท GPS ที่กรมการขนส่งทางบกรับรอง และเข้าใจความต้องการของธุรกิจมีรถเป็นอย่างดี ทีมงานผู้เชี่ยวชาญคาร์แทรคพร้อมให้คำปรึกษาด้านการเลือกใช้อุปกรณ์ติดรถที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณมากที่สุด 

ติดต่อหาเราด้วยตนเองเพื่อสอบถามข้อมูลการใช้งานกล้องติดหน้ารถ กล้องติดรถบรรทุก ราคา GPS เริ่มต้น รวมถึงโปรโมชันอื่น ๆ ได้ที่ หมายเลข 02-136-2920 , 02-136-2921 ในช่วงวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 - 17.30 น.

หรือคลิกทดลองใช้ฟรี เพื่อกรอกข้อมูลการติดต่อของคุณ เจ้าหน้าที่ของเราจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด

ติดตาม Cartrack (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่

Facebook: Cartrack Thailand

Instagram: @cartrack.thailand‍

LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที

รู้จัก 7 วิธีการรับมือเบื้องต้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุ รถโดนชน เพื่อควบคุมสถานการณ์เฉพาะหน้า และการมีกล้อง GPS ติดรถ ก็สำคัญ เพราะมันอาจช่วยเป็นหลักฐานให้คุณได้