เมื่อพูดขึ้นมาว่า GPS ทุกคนคงคุ้นเคยกันอย่างดี ถ้าเอาแบบพื้นฐานง่าย ๆ ทางความเข้าใจของคนทั่วไปที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญอะไรมากมายในเรื่องพวกนี้ หรือไม่ได้รู้เบื้องลึกอะไรมาก GPS เปรียบได้กับแผนที่ที่จะนำทางให้กับเราไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างถูกต้อง
แต่จริง ๆ แล้ว GPS นั้นไม่ได้ทำหน้าที่แค่เรื่องของการนำทางเพียงอย่างเดียว แต่มันยังใช้ติดตามตำแหน่งและพิกัดของสิ่งต่าง ๆ บนโลกใบนี้ได้อย่างดีอีกด้วย
บทความคาร์แทรคตอนนี้จึงจะมาพูดถึงเรื่องของพิกัด GPS ติดตามรถ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าการทำงานของ GPS สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในกลุ่มธุรกิจมีรถได้อย่างไรบ้าง เป็นความรู้ในการใช้งานระบบจีพีเอสให้กับคุณกัน
มาเริ่มต้นกันที่ระบบการทำงานของระบบ GPS กัน ตอนนี้โลกของเราใช้ระบบ GPS ผ่านดาวเทียมบนอวกาศของสหรัฐฯ ชื่อว่า NAVSTAR มีดาวเทียมทั้งสิ้น 24 ดวง แบ่งออกเป็น 6 รอบวงโคจร การโคจรจะเอียง 55 องศา ทำมุมกับเส้นศูนย์สูตรในลักษณะการสานต่อกันเหมือนลูกตะกร้อ
แต่ละวงโคจรจะมีดาวเทียม 4 ดวง แต่ละดวงใช้เวลาในการโคจร 12 ชั่วโมง ด้านการทำงานจะทำโดยการรับสัญญาณจากดาวเทียมแต่ละดวง อันประกอบไปด้วยข้อมูลสำหรับระบุตำแหน่งพร้อมเวลาขณะมีการส่งสัญญาณ
ส่วนตัวเครื่องรับสัญญาณ GPS จะทำการประมวลผลความแตกต่างของเวลาตอนรับสัญญาณมาเทียบกับเวลาจริงตอนนี้ เพื่อทำการแปรให้กลายเป็นระยะทางระหว่างตัวเครื่องรับสัญญาณกับดาวเทียมแต่ละดวง หรือที่เข้าใจกันว่า การระบุตำแหน่ง นั่นเอง
เพื่อให้ GPS มีความแม่นยำมากขึ้นในการค้นหาตำแหน่ง จึงจำเป็นต้องมีดาวเทียมอย่างน้อย 4 ดวง สำหรับการบอกตำแหน่งบนผิวโลก หากดาวเทียมห่างกันเท่ากับว่าให้ค่าความแม่นยำดีกว่าดาวเทียมที่อยู่ใกล้กัน ยิ่งมีตัวดาวเทียมรับสัญญาณจำนวนมาก นั่นหมายถึงความแม่นยำในการระบุตำแหน่งย่อมมีมากตามไปด้วย
ในชั้นบรรยากาศ ประกอบไปด้วยความชื้น, อุณหภูมิ, ประจุไฟฟ้าและความหนาแน่น สิ่งเหล่านี้มีการแปรปรวนตลอด คลื่นเมื่อมีการตกกระทบกับวัตถุต่าง ๆ จะมีการหักเหส่งผลให้สัญญาณอ่อนลง
สังเกตง่าย ๆ เช่น ตอนที่เมฆมาก, พื้นที่โดนบดบังจากต้นไม้ใบไม้ในป่าใหญ่, รถขับเข้าไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน หรือใต้สะพานทางด่วน การระบุพิกัดของจีพีเอสก็อาจจะไม่สามารถทำได้แม่นยำตามที่ควรเป็น หมายความว่าสิ่งเหล่านี้มีผลต่อเรื่องของความแม่นยำในการกำหนด Positioning ของ GPS นั่นเอง
สำหรับ GPS ที่นำมาใช้ในการติดตามรถ ยานพาหนะต่าง ๆ หรือเครื่องจักร หากสัญญาณดาวเทียมเกิดการหักเห ค่าที่คำนวณได้ตรงตัวรับสัญญาณจะไม่ได้เหมือนตอนปกติ ประสิทธิภาพของเครื่องรับสัญญาณ ความรวดเร็วในการรับสัญญาณ รวมถึงความเร็วในการประมวลผล จึงอาจคลาดเคลื่อนได้ด้วยเหมือนกัน
เมื่อมีการนำเครื่องออกไปใช้งาน จะต้องมีการเปิดรับสัญญาณพิกัด GPS ตัวโปรแกรมในเครื่องจะมีการแสดงตำแหน่งล่าสุดของพื้นที่ที่เราอยู่ในปัจจุบัน
แผนที่ในระบบ GPS นำทางจะเป็นแผนที่รูปแบบพิเศษที่มีการกำหนดสิ่งต่าง ๆ เอาไว้ เพื่อให้คนใช้งานเข้าใจง่ายมากขึ้นกว่าเดิม เช่น การจราจรชิดซ้าย, ชิดขวา, ข้อมูลเส้นทางเดินรถทางเดียว, จุดสำคัญต่าง ๆ ของทุกสถานที่, ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ ฝังเอาไว้ในข้อมูลแผนที่
สิ่งเหล่านี้จะมีการสำรวจพร้อมตั้งค่าเอาไว้แบบตายตัวแล้ว มีการกำหนดเส้นทางจากจุดหมายไปยังเป้าหมายเพราะถูกกำหนดค่าเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เราจะเห็นว่าที่เราใช้งานบอกพิกัด GPS กันอยู่ทุกวันนี้ล้วนแล้วแต่ถูกตั้งค่าด้วยระบบอัตโนมัติทั้งสิ้น
ส่วนข้อมูลในแผนที่ GPS ติดตามรถ ส่วนใหญ่ก็จะคล้ายคลึงกับหน้าตาของระบบนำทาง แต่แตกต่างตรงที่จะมีแถบข้อมูลที่ละเอียดกว่า เพื่อใช้บันทึกข้อมูลการใช้งานรถ หรือบันทึกพฤติกรรมการขับขี่ของคนขับรถที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง
หลายคนอาจสงสัยว่า เสียงที่เราได้ยินเวลาใช้งาน GPS ทำงานสอดคล้องกันอย่างมากได้อย่างไร เช่น เมื่อพิกัด GPS บอกว่าเส้นทางข้างหน้าต้องเลี้ยวขวา เสียงนำทางจะบอกต่อทันทีว่าให้เลี้ยวขวา
นั่นเพราะโปรแกรมได้มีการกำหนดเตือนไว้ล่วงหน้าว่า จะมีคำสั่งเตือนด้วยเสียงก่อนถึงจุดเลี้ยวที่ระยะเวลาเท่าไหร่ เช่นเดียวกับการแสดงทิศทางที่มีการบอกเอาไว้ล่วงหน้า ขึ้นอยู่กับโปรแกรมในการใช้บอกทางกำหนดตำแหน่งไว้กี่จุด
อีกจุดน่าสนใจสำหรับการใช้งานพิกัด GPS คือ เมื่อเรามีการคำนวณเส้นทางระหว่างต้นทางไปจนถึงปลายทาง ผู้ใช้งานทุกคนสามารถดูสรุปเส้นทางต่าง ๆ พร้อมกำหนดระยะเวลาเบื้องต้นที่ GPS กำหนดมาให้ได้เลย ขณะที่โปรแกรมนำทางบางโปรแกรมสามารถกำหนดจุดแวะตามที่ตนเองต้องการได้ด้วย
โดยหลัก ๆ จะมีระบบการคำนวณและเลือกเส้นทางเส้นทางที่รวดเร็วที่สุด 2-3 เส้นทาง ขึ้นอยู่กับว่ามีทางมากน้อยเพียงใด เมื่อกำหนดได้แล้วและเมื่อมีการเริ่มต้นออกเดินทาง โปรแกรมทุกตัวจะมีการแสดงสัญญาณทั้งภาพและเสียงแบบเรียลไทม์ในการระบุตำแหน่งอย่างชัดเจน
ลักษณะแบบนี้การนำทางจะพยายามสร้างเส้นทางให้เหมาะสมที่สุด เช่น ต้องการเดินทางไปปลายทางแห่งหนึ่งแต่มีจุดแวะคนละเส้นทาง พิกัด GPS จะบอกเราว่าหากต้องการไปจุดแวะก่อนต้องวิ่งเส้นทางไหน แล้วจากจุดแวะไปยังปลายทางต้องใช้เส้นทางไหน เป็นการระบุรายละเอียดที่คำนวณเอาไว้ล่วงหน้า
ซึ่งคุณสมบัตินี้มีประโยชน์มากในการนำมาใช้กับธุรกิจมีรถ หรือธุรกิจขนส่งสินค้า โลจิสติกส์ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนการใช้งานรถได้อย่างเป็นประโยชน์ ไม่ตีรถเปล่า ไม่สูญเสียน้ำมันโดยไม่จำเป็น
ทุกวันนี้ระบบ GPS มักจะมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ครบครันในตัวอยู่แล้ว แต่ก็สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมบางตัวได้ อาทิ เสารับสัญญาณภายนอกแบบติดเครื่องต่อเครื่อง, ตัวกระจายคลื่น สิ่งเหล่านี้จะช่วยบอกพิกัด GPS ได้ในกรณีอยู่ตรงพื้นที่อับสัญญาณ เช่น พื้นที่ในป่าลึก, พื้นที่ต่างจังหวัด, นั่งในรถที่ติดฟิล์มอันมีส่วนผสมของสารโลหะหนักประกอบอยู่ (สารโลหะหนักที่เรามักเรียกติดปากว่า ฟิล์มฉาบปรอท)
แม้แต่ในอาคารบางแห่งที่พื้นที่ปิดสนิทมาก ไม่สามารถหาสัญญาณได้ ตัวช่วยเหล่านี้ถือว่ามีประโยชน์อย่างมากกับการติดตัวไว้ใช้งาน
รวมถึง GPS ติดตามรถ ซึ่งสามารถติดตั้งเพื่อใช้งานร่วมกับเซนเซอร์น้ำมัน กล้องติดรถ รวมถึงเซนเซอร์เฉพาะทางอย่างเซนเซอร์วัดอุณหภูมิ เซนเซอร์ประตู เซนเซอร์ตรวจจับการหมุนของถังปูน เป็นต้น
หากคิดเพียงเผิน ๆ เราคงคิดว่าพิกัด GPS มีหน้าที่ไว้แค่บอกเส้นทางให้เราเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ถูกต้อง ปลอดภัย ไร้ปัญหาด้านการเดินทาง แต่ใครจะคาดคิดว่าการใช้งาน GPS มันมีดีมากกว่าเรื่องราวเหล่านี้อีกเยอะ จะมีเรื่องอะไรบ้างมาตามดูกันได้เลย
สิ่งเหล่านี้คือวิธีนำเอาพิกัด GPS มาประยุกต์ใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างสิ่งที่มองภาพได้ชัดเจนมากคือการใช้กับงานธุรกิจประเภทขนส่ง การมี GPS นอกจากทำให้คนเป็นเจ้าของสบายใจแล้ว ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเองยังอุ่นใจด้วยเมื่อสามารถตรวจสอบเส้นทางของรถได้ตลอดเวลา
ไม่ต้องมานั่งเครียด ปวดหัว ว่าสินค้าจะถึงมือผู้รับหรือไม่ ตอนนี้ตกค้างบริเวณใดหรือเปล่า GPS ติดรถจึงนับเป็นสิ่งดี ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นเพื่อให้คนทั่วไปได้ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ไม่ใช่แค่การนำทางทั่วไปเหมือนแต่ก่อน
ธุรกิจขนส่งในยุคที่การติดต่อสื่อสารไวยิ่งกว่าจรวด มีการซื้อขายสินค้าผ่านโลกออนไลน์มากมาย โดยคนซื้อกับคนขายเองไม่จำเป็นต้องพบหน้ากัน ดังนั้นคนกลางในการทำให้สินค้าดังกล่าวรับจากผู้ขายไปส่งยังมือผู้ซื้อได้ก็คือ ‘กลุ่มงานขนส่ง’
ในอดีต เวลาเราสั่งซื้อของแล้วมีของมาส่ง บางครั้งมันไม่ตรงกับเวลาที่เราต้องการ ตรวจสอบสถานะต่าง ๆ ก็ไม่ได้ ทำให้ทั้งคนขายและคนซื้อเองต่างก็เกิดความกระวนกระวายใจไม่น้อย เพราะเป็นใครคงไม่อยากให้เกิดปัญหาผิดพลาดต่าง ๆ ตามมา
ด้วยเหตุนี้กลุ่มงานขนส่งจำนวนมากเลยนิยมเลือกเอาวิธีการบอกพิกัด GPS ของรถที่กำลังเดินทางอยู่เป็นตัวช่วยให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น ติดตามงานได้ง่ายมากขึ้น เพราะเมื่อติดตั้งไปแล้วสามารถบอกได้ทันทีว่ารถคันนี้วิ่งอยู่ตรงส่วนไหน ตรงกับเส้นทางจริงที่ให้ไปส่งหรือไม่ เมื่อใดก็ตามที่วิ่งออก
CARTRACK เราคือบริษัท GPS ที่ได้รับการรับรองการกรมการขนส่งทางบกประเทศไทย ระบบ GPS ติดรถที่จะติดตามและเก็บข้อมูลผ่านกล่อง GPS ที่ติดตั้งอยู่ในตัวรถ ไม่รบกวนการใช้งานรถของคนขับ สามารถใช้งานเป็น GPS ติดรถบรรทุกขนาดใหญ่ ไปจนถึงรถขนาดเล็กอย่างรถยนต์ได้
สนใจสอบถามราคาหรือรายละเอียดการทำงานเพิ่มเติมโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ CARTRACK คลิกทดลองใช้ฟรี เพื่อกรอกข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ หรือโทร 02-136-2920 , 02-136-2921 ได้ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.30 น.
พิเศษ! โปรโมชันสำหรับลูกค้าคนสำคัญเช่นคุณ รับเลยทันที โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดตามรถ จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ติดตาม Cartrack (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที
เรื่องราวของ GPS ติดตามรถ และ พิกัด GPS ว่ามีที่มาอย่างไร เข้าใจการทำงานของระบบ GPS ที่สามารถนำมาใช้งานติดตามรถและเครื่องจักร สร้างประโยชน์ให้ธุรกิจมีรถได้