BLOGS

ธุรกิจของเราควรมี GPS ติดรถ หรือไม่? เช็กลิสต์ก่อนตัดสินใจ

สนใจใช้งาน GPS ติดรถ Cartrack วันนี้ ปรึกษาฟรี!

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

GPS ติดรถ ที่เจ้าของรถหรือยานพาหนะประเภทต่าง ๆ ใช้กันในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มักใช้เพื่อติดตามพิกัดของยานพาหนะ 

แล้วสำหรับธุรกิจที่มีรถล่ะ การติด GPS รถจำเป็นหรือไม่? บทความคาร์แทรคตอนนี้ชวนทำความเข้าใจเรื่อง GPS ติดรถ ประโยชน์และความสำคัญของอุปกรณ์ชิ้นนี้ พร้อมเช็กลิสต์ว่าธุรกิจของเราควรมี GPS ติดรถมั้ย และถ้าติดตั้ง GPS เราควรเลือกแบบไหนถึงเหมาะสมกับการใช้งานและคุ้มค่าการลงทุนที่สุดด้วย

บทความตอนนี้ชวนคุยเรื่อง:

  • รู้จัก ‘GPS ติดรถ’ กันก่อน
  • GPS ติดรถ สำคัญกับธุรกิจที่มีรถอย่างไร และ GPS รถยนต์ กับ GPS รถบรรทุก เหมือนหรือต่างกันไหม?
  • เช็กลิสต์ธุรกิจของเรา ควรใช้ GPS ติดรถ แล้วหรือยัง?

รู้จัก ‘GPS ติดรถ’ กันก่อน

GPS ติดรถ คือ อุปกรณ์หรือระบบที่ใช้ในการติดตามตำแหน่งของรถโดยใช้เทคโนโลยี GPS หรือย่อมาจาก Global Positioning System 

วัตถุประสงค์หลัก ๆ ในทุกวันนี้ของการใช้ GPS คือเพื่อระบุตำแหน่งที่ตั้งของรถได้ทันที ณ ปัจจุบัน หรือแบบเรียลไทม์ (Real-Time) หรือเป็นเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถย้อนหลังได้ ซึ่งบทความคาร์แทรคจะเน้นกล่าวถึง GPS ติดรถ ในด้านการเป็น GPS ติดตามรถ (Vehicle Tracking System)

GPS ติดรถ สำคัญกับธุรกิจที่มีรถอย่างไร และ GPS รถยนต์ กับ GPS รถบรรทุก เหมือนหรือต่างกันไหม?

ด้วยคุณสมบัติของ GPS สำหรับติดรถ ที่กล่าวมา อุปกรณ์ชิ้นนี้จึงสำคัญหรือมีประโยชน์กับธุรกิจที่มีรถอย่างมาก ซึ่งเราได้จับคู่ความสำคัญหรือประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้จาก GPS ติดรถ กับคุณสมบัติของ GPS ให้เข้าใจง่ายไว้ดังนี้

1. ช่วยจัดการการขนส่งหรือโลจิสติกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • GPS ติดรถสามารถติดตามตำแหน่งของรถทุกคันที่ติดตามแบบเรียลไทม์ ช่วยให้วางแผนการขนส่งหรือการจัดส่งสินค้าได้ดีขึ้น
  • GPS ช่วยบอกเส้นทาง ลดเวลาที่สูญเปล่าจากการเดินทางผิดเส้นทาง หรือการรอสินค้าล่าช้า

2. ช่วยควบคุมต้นทุน

  • GPS ช่วยตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงาน เช่น ขับซิ่ง ขับอ้อมเส้นทาง หรือจอดแช่ติดเครื่องนานเกิน
  • GPS บันทึกข้อมูลการใช้รถที่เชื่อมโยงกับค่าใช้จ่าย เช่น ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา ค่าปรับ ฯลฯ จึงช่วยให้ธุรกิจสามารถลดค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษาจากการใช้งานรถ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและตรงจุดมากกว่า

3. ช่วยเพิ่มความปลอดภัย

  • ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวของรถ น้ำมัน หรือคนขับของ GPS ช่วยแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ เช่น รถถูกขโมย น้ำมันลดลงมากอย่างฮวบฮาบ หรือการขับขี่ที่หวาดเสียว ไม่ปลอดภัย
  • GPS ลดความเสี่ยงจากอันตรายหรืออุบัติเหตุที่เกิดจากการขับผิดเส้นทาง

4. ช่วยเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์

  • ระบบบันทึกข้อมูลการใช้รถและน้ำมันของ GPS ทำให้เจ้าของรถสามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ เช่น ระยะทางที่ขับ ความเร็วเฉลี่ย หรือเส้นทางที่ใช้ ซึ่งเราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานรถและทรัพยากรต่าง ๆ ในการใช้งานครั้งต่อ ๆ ไป

5. ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าของธุรกิจ

สำหรับธุรกิจขนส่งหรือธุรกิจที่มีบริการขนส่งสินค้าให้ลูกค้าของตัวเอง ระบบ GPS จะมีฟีเจอร์แจ้งสถานะการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าทราบแบบเรียลไทม์ 

ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า สร้างความไว้วางใจและเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้ามากขึ้น ปัจจุบันหลายธุรกิจใช้ข้อดีนี้เป็นจุดเด่นของธุรกิจตัวเองด้วย

และ GPS รถยนต์ กับ GPS รถบรรทุก เหมือนหรือต่างกันไหม?

GPS ติดรถยนต์ และ GPS ติดรถบรรทุก มีทั้งความเหมือนและความแตกต่าง ดังนี้

ความเหมือน

  • ใช้เทคโนโลยี GPS เพื่อระบุตำแหน่งและติดตามรถ
  • มีระบบการเก็บข้อมูล เช่น เส้นทางการเดินทาง ระยะทาง และความเร็ว ฯลฯ

ความต่าง

  1. การออกแบบระบบซอฟต์แวร์:
  • GPS รถยนต์: มักเน้นการนำทาง (Navigation) สำหรับผู้ขับขี่ทั่วไป และการใช้งานส่วนบุคคล
  • GPS รถบรรทุก: มีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น ตรวจสอบการใช้น้ำมัน ติดตามสถานะการขนส่ง ตรวจสอบน้ำหนักรถบรรทุก ตรวจสอบประตูเปิดปิดตู้สินค้าเพื่อความปลอดภัยของสินค้า ฯลฯ
  1. ระบบรายงาน:
  • GPS รถยนต์: ส่วนใหญ่เน้นการบันทึกข้อมูลพื้นฐาน เช่น เส้นทางหรือการแจ้งเตือนที่เกิดขึ้น 
  • GPS รถบรรทุก: เก็บข้อมูลที่ซับซ้อนขึ้น เช่น ชั่วโมงการทำงานของรถ เส้นทางที่เหมาะสมสำหรับรถขนาดใหญ่ ข้อมูลการใช้น้ำมัน ฯลฯ
  1. กฎหมายและข้อกำหนด:
  • รถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป ต้องติดตั้ง GPS ขนส่งตามข้อบังคับของหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อให้ตรวจสอบการขนส่งและปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น เวลาขับขี่และความปลอดภัย หากฝ่าฝืนอาจเจอค่าปรับ GPS ได้ 
  • รถยนต์ส่วนบุคคลไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎนี้
ความต่าง GPS ติดรถ รถยนต์ รถบรรทุก

เช็กลิสต์: ธุรกิจของเราควรใช้ GPS ติดตามรถ แล้วหรือยัง?

คาร์แทรคมีเช็กลิสต์หลัก ๆ ชวนให้คุณมาเช็กว่า ธุรกิจของเราควรใช้ GPS Tracking ติดรถแล้วหรือยัง GPS ติดรถ รุ่นไหนดี หรือเมื่อไหร่ที่ธุรกิจควรเริ่มติด GPS รถ เพื่อช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่คุณพบ ดังนี้

  • มีจำนวนรถที่ใช้งานหลายคัน
    หากธุรกิจใช้รถหลายคัน เช่น รถส่งของ รถบรรทุก หรือรถบริการลูกค้า การติดตั้ง GPS จะช่วยจัดการและติดตามการใช้งานรถทั้งหมดได้ง่ายขึ้น รวมถึงช่วยจัดสรรการบำรุงรักษารถตามการใช้งานจริงได้แบบอัตโนมัติด้วย
  • ต้องการควบคุมค่าใช้จ่าย
    หากธุรกิจพบว่าค่าน้ำมันหรือค่าบำรุงรักษาเพิ่มขึ้นผิดปกติ เป็นไปได้สูงว่าสาเหตุอาจเกิดจากการใช้งานที่ไม่เหมาะสม เช่น พนักงานขับรถหรือผู้ใช้รถขับเร็วเกินไป ขับออกนอกเส้นทาง ใช้งานรถนอกเวลางาน

    หรือแม้แต่การขโมยน้ำมัน ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วไปในกลุ่มธุรกิจที่มีรถใช้งาน GPS จะช่วยตรวจสอบและลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้
  • ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    หากธุรกิจต้องการวางแผนเส้นทางการเดินทางที่ดีที่สุด ในแง่ของการประหยัดเวลาขนส่งหรือประหยัดการใช้น้ำมัน หรือแม้แต่ต้องการส่งสินค้าให้ลูกค้าหลายจุดในวันเดียว GPS สามารถช่วยคำนวณเส้นทางที่เร็วและเหมาะสมที่สุดได้
  • ธุรกิจเริ่มเติบโตและมีลูกค้ามากขึ้น
    หากธุรกิจเริ่มมีจำนวนลูกค้าหรือคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น การจัดการการขนส่งให้มีประสิทธิภาพจะกลายเป็นเรื่องสำคัญโดยอัตโนมัติ

    GPS ช่วยให้ติดตามการส่งสินค้าได้ง่ายและช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า เช่น การแจ้งสถานะการส่งแบบเรียลไทม์ ลูกค้าสามารถทราบเวลาการส่งสินค้าล่วงหน้าได้ จนไว้วางใจใช้บริการต่อเนื่อง
  • ต้องการเพิ่มความปลอดภัยของรถและสินค้า
    หากธุรกิจมีสินค้าที่มีมูลค่าสูง (รถขนน้ำมัน รถขนเงินธนาคาร) หรือรถที่เสี่ยงต่อการถูกขโมย (รถเช่า รถตู้ รถกระบะบางรุ่น) GPS จะช่วยระบุตำแหน่งรถในกรณีฉุกเฉิน และธุรกิจสามารถสั่งตัดสตาร์ทได้จากทางไกล ทำให้กู้คืนรถได้อย่างรวดเร็วขึ้นหรือลดโอกาสรถสูญหายได้มากกว่า
  • มีปัญหาในการควบคุมพนักงานขับรถ
    หากธุรกิจพบว่าพนักงานใช้รถในทางที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรหรือกฎการใช้รถของบริษัท GPS จะช่วยค้นหาตำแหน่ง ทะเบียนรถ รวมถึงตรวจสอบการใช้รถและพฤติกรรมการขับขี่ เช่น การขับรถออกนอกเส้นทาง การหยุดพักนานเกินไป การขับขี่เสี่ยงอันตราย การขับรถด้วยสภาพร่างกายที่ไม่พร้อม ฯลฯ
  • เมื่อมีกฎหมายหรือข้อบังคับกำหนด
    หากธุรกิจเริ่มมีรถบรรทุกใช้งานตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป หรือรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถทัวร์ รถบัส รถตู้โดยสาร รถแท็กซี่ กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้รถเหล่านี้ต้องมีการติดตั้ง GPS เพื่อตรวจสอบการใช้รถและชั่วโมงการขับขี่ของคนขับ

ธุรกิจเราควรติด GPS ติดตามรถ ไหม

GPS ติดรถ ที่ธุรกิจจากหลายอุตสาหกรรมไว้วางใจ

ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนส่งขนาดเล็กหรือใหญ่ที่ต้องการติดตามการใช้รถ การใช้น้ำมัน และการส่งสินค้าให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจอาหารสดหรือแปรรูปที่ต้องการติดตามพิกัดรถและอุณหภูมิ ไปจนถึงธุรกิจรถเช่าที่มีประเด็นผู้เช่าลักรถหายไป 

Cartrack หนึ่งในบริษัท GPS ในไทยที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก ซึ่งให้บริการระบบติดตามรถและจัดการการใช้ยานพาหนะ ครอบคลุมทุกความต้องการ โดยให้บริการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนติดตั้งฟรี

ธุรกิจที่มีรถตั้งแต่ 1 คันขึ้นไป ก็สามารถติดตั้งได้ พร้อมรับใบรับรองติดตั้ง GPS เพื่อยื่นต่อทะเบียนรถใช้งานกับกรมขนส่งได้ทันที หากสนใจติดตั้งหรือขอใบเสนอราคา โทรเข้ามาได้ที่ 021362920 หรือ 021362921 ในวันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.30 - 17.30 น.

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ GPS ติดรถ

ถาม: “บริษัทที่ไม่มีไอทีช่วยดูแล และไม่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ GPS ติดรถบรรทุก หรือติดรถยนต์ สามารถติด GPS กับ Cartrack ได้ไหม?”

ตอบ: ได้ เพราะ Cartrack มีบริการอบรมการใช้งานระบบให้กับลูกค้าทุกท่าน เพื่อให้ลูกค้าใช้งานระบบ GPS ติดตามรถได้อย่างคล่องแคล่ว นอกจากนี้ Cartrack ยังมีฝ่ายบริการลูกค้า ที่พร้อมดูแลลูกค้าหลังการขาย หากลูกค้ามีปัญหาหรือคำถามเกี่ยวกับการใช้งาน ก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ เป็นบริการฟรีที่ไม่มีค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าผู้ใช้งาน Cartrack ทุกท่าน

ถาม: “GPS ติดรถของ Cartrack ให้ข้อมูลด้านใดบ้างที่เป็นประโยชน์กับเจ้าของธุรกิจ?”

ตอบ: GPS ติดรถของ Cartrack ให้ข้อมูลสำคัญต่อการบริหารงานกับเจ้าของธุรกิจตามนี้

  1. ข้อมูลการติดตามยานพาหนะแบบเรียลไทม์: ช่วยให้เจ้าของธุรกิจตรวจสอบตำแหน่งของรถทุกคันได้ตลอดเวลา ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือสมาร์ทโฟนหรือหน้าฟลีทบนคอมพิวเตอร์ของตัวเอง
  2. ข้อมูลตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่: ระบบจะบันทึกและรายงานพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานแบบเรียลไทม์ด้วย เช่น การเร่งความเร็ว การเบรกกะทันหัน หรือการเลี้ยวรุนแรง ซึ่งช่วยในการปรับปรุงความปลอดภัยได้ทันท่วงทีและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ 
  3. ข้อมูลการแจ้งเตือนเหตุการณ์สำคัญ: ระบบจะแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ต้องการความสนใจ เช่น การใช้ความเร็วเกินกำหนด หรือการออกนอกเส้นทางที่กำหนด ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว 
  4. ข้อมูลกระตุ้นความปลอดภัยการขับขี่ด้วยกล้องระบบ AI: Cartrack ใช้กล้องติดรถระบบ AI ที่สามารถแจ้งเตือนเหตุการณ์เพื่อป้องกันแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คนขับรู้ตัวและปรับปรุงพฤติกรรมการขับขี่ได้ ณ เวลาที่ขับขี่นั้น ๆ ลดอุบัติเหตุและปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน 
  5. ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ต่อยอด: ระบบสามารถเก็บข้อมูลการใช้งานยานพาหนะ เช่น ระยะทางที่ขับขี่ ปริมาณการใช้น้ำมัน และเวลาที่ใช้ในการเดินทาง ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานต่อไปในอนาคต

ด้วยข้อมูลและฟีเจอร์เหล่านี้ ระบบ GPS ติดรถของ Cartrack ช่วยให้เจ้าของธุรกิจบริหารจัดการยานพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความปลอดภัย และลดต้นทุนในการดำเนินงานได้อย่างชัดเจนตามข้อมูลจริงของการใช้งานรถ

ถาม: “ถ้าติดตั้งไปแล้วและในอนาคตอยากเปลี่ยนรถใหม่ จำเป็นต้องซื้อ GPS ติดรถใหม่หรือไม่ หรือสามารถใช้เครื่องเดิมได้ หาก GPS เครื่องเก่ายังอยู่ในสภาพใช้งานได้ดี”

ตอบ: ผู้ใช้งาน GPS ของ Cartrack สามารถแจ้งความประสงค์ในการย้ายการติดตั้งอุปกรณ์ GPS เดิมของ Cartrack ไปที่รถคันใหม่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องใหม่ แต่จะมีอัตราค่าบริการสำหรับการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์

มีรถใช้งานหลายคัน? ต้นทุนรถขนส่งพุ่ง? เช็กเลย! เช็กลิสต์ธุรกิจควรใช้ GPS ติดรถมั้ย ประโยชน์และความสำคัญของอุปกรณ์นี้ เลือกแบบไหนถึงเหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด