ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า กล้องหน้ารถ กลายเป็นอุปกรณ์ยอดฮิตที่ไม่ว่ารถคันไหนก็ต้องติด ด้วยความนิยมในการใช้รถใช้ถนนที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน รวมถึงข่าวตามโทรทัศน์และหน้าหนังสือพิมพ์ในทุกวันนี้ บอกได้เลยว่า รถคันที่ติดกล้องหน้ารถย่อมได้เปรียบกว่ารถที่ยังไม่ติด ทั้งในแง่ของการใช้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ รวมถึงประโยชน์อีกมากมายที่กล้องบันทึกหน้ารถมอบให้คุณได้
บทความคาร์แทรควันนี้ จะพาผู้อ่านไปติดตามกันว่าภาพจากกล้องหน้ารถมีประโยชน์อย่างไรบ้าง และสำหรับใครที่ยังลังเลว่าควรจะหากล้องมาติดรถไว้ดีหรือไม่ บทความนี้จะให้คำตอบที่ชัดเจนกับคุณได้อย่างแน่นอน
ก่อนจะไปรู้จักกับประโยชน์ของกล้องติดรถ รู้หรือไม่ว่ารูปแบบของกล้องที่สามารถติดตั้งกับยานพาหนะได้นั้น ไม่ได้มีเพียงกล้องติดหน้ารถเท่านั้น แต่ยังมีกล้องระบบ AI หรือ AI Camera ที่สามารถติดตั้งได้ตามจุดต่าง ๆ ของรถ ซึ่งรูปแบบที่นิยมใช้กันในทุกวันนี้มีมากถึง 4 รูปแบบเลยทีเดียว ดังนี้
Road Vision เป็นรูปแบบกล้องบันทึกหน้ารถที่บันทึกภาพด้านหน้ารถ พูดให้เห็นภาพก็คือ เราจะเห็นภาพจากกล้องเหมือนกับมุมมองที่คนขับรถมองเห็นถนนนั่นเอง
โดยกล้องลักษณะนี้นิยมติดตั้งภายในห้องโดยสาร ให้ทั้งภาพและเสียง เหมาะสำหรับรถทุกประเภท ทั้งรถยนต์ รถเช่าขนาดเล็ก ไปจนถึงรถขนาดใหญ่อย่างรถบรรทุก รถเทรลเลอร์ รถขนส่งที่มีตู้คอนเทนเนอร์ เป็นต้น
โดยมีจุดประสงค์หลักคือเพื่อเก็บภาพระหว่างการขับขี่ หากเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ บนถนน หรือมีอุบัติเหตุไม่คาดคิด ภาพจากกล้องนี้จะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ของคนขับได้
รวมถึงกล้องหน้ารถโดยผู้ให้บริการบางเจ้า อาจมีฟังก์ชันที่สามารถดูภาพออนไลน์ได้ จึงทำให้คุณเห็นเหตุการณ์เรียลไทม์ไปพร้อม ๆ กับคนขับรถเลย
สำหรับ Dual Vision จะเป็นกล้องที่ให้ภาพแบบ 2 มุมมอง คือด้านหน้ารถและภายในห้องโดยสาร มีลักษณะการบันทึกภาพและคุณสมบัติใกล้เคียงกับ Road Viosion
แต่แตกต่างตรงที่กล้อง Dual Vision สามารถบันทึกภาพได้ยาวนานสูงถึง 20 ชั่วโมง และเก็บภาพได้ทั้งมุมมองถนนและภาพของคนขับรถคันนั้น ๆ อีกด้วย และยังบันทึกได้ทั้งภาพและเสียง
สำหรับกล้อง Dual Vision ของ Cartrack ยังมีระบบ Night Version ที่สามารถมองเห็นใบหน้าของคนขับได้ชัดเจนในช่วงเวลากลางคืนอีกด้วย
มาต่อกันที่กล้อง Multi Vision เป็นกล้องที่บันทึกภาพได้มากถึง 4 มุมมอง เก็บทั้งภาพและเสียง กล้อง 4 ตัวนี้สามารถติดตั้งได้ทั้งภายนอกและภายในรถ บันทึกภาพได้นานสูงถึง 42-83 ชั่วโมง โดยกล้องแต่ละตัวจะมีช่วงเวลาที่บันทึกภาพได้แตกต่างกัน
Multi Vision เหมาะสำหรับติดตั้งกับรถบรรทุกขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ ใช้เป็นกล้องติดรถบรรทุก รถเทรลเลอร์ รถขนส่ง รถพ่วง ฯลฯ สามารถทำงานร่วมกับเซนเซอร์พิเศษ เช่น เซนเซอร์วัดระดับน้ำมัน หรือเซนเซอร์ประตูได้ สำหรับเก็บภาพตรงจุดที่เป็นมุมอับสายตาของรถ ทั้งถังน้ำมัน หรือด้านในตู้คอนเทนเนอร์
มาต่อกันที่อีกรูปแบบของ AI Camera กล้องติดรถอัจฉริยะ AI Multi Vision ติดตั้งกล้องเพื่อเก็บภาพได้มากสูงสุดถึง 8 ตัว ทั้งด้านหน้ารถ ห้องโดยสาร และด้านนอกตัวรถ บันทึกภาพได้ตั้งแต่ 82 - 328 ชั่วโมง และเก็บได้ทั้งภาพและเสียงเช่นเดียวกัน โดยผู้ดูแลระบบสามารถดูภาพจากกล้องออนไลน์แบบเรียลไทม์ได้เลย
ความพิเศษของกล้อง AI Multi Vision คือกล้องจะสามารถตรวจจับพฤติกรรมที่เป็นอันตรายของคนขับขณะขับขี่ได้ โดยกล้องจะส่งเสียงแจ้งเตือนในห้องโดยสารทันที เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุตามมา
โดยพฤติกรรมที่กล้อง AI สามารถตรวจจับได้ เช่น หาว ตาปรือ การยกโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น สูบบุหรี่ การไม่คาดเข็มขัดนิรภัย การนำวัตถุหรือผ้ามาคลุมที่เลนส์กล้อง หรือแม้กระทั่งเอามือตัวเองมาบังเลนส์กล้อง
ทั้ง 4 รูปแบบนี้คือประเภทของกล้องที่นิยมติดตั้งกันมากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งหากผู้อ่านอ่านมาถึงตรงนี้และรู้สึกสนใจ ทาง Cartrack เราก็มีบริการติดตั้งกล้องติดรถ พร้อมระบบ GPS ในตัว สามารถโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยตนเองได้ที่หมายเลข 02-136-2920, 02-136-2921 ในวันจันทร์ถึงศุกร์ ระหว่างเวลา 8.30 - 17.30 น. หรือกรอกฟอร์มที่ด้านบนก็ได้
สำหรับผู้ใช้รถ แม้ว่าจะมีประสบการณ์ในการใช้งานมาอย่างยาวนานหรือไม่ก็ตาม แต่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าภาพจากกล้องหน้ารถ สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานในการเรียกประโยชน์ต่าง ๆ ได้หากเกิดอุบัติเหตุและเราเป็นฝ่ายถูก
ยิ่งถ้าเป็นกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรง จนรถของคุณไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้คุณต้องเสียประโยชน์ในระหว่างที่ต้องนำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการหรืออู่ คุณสามารถนำหลักฐานภาพจากกล้องติดรถไปใช้เรียก “ค่าขาดประโยชน์” ได้
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คือ เงินชดเชยหรือสินไหมทดแทนจากอุบัติเหตุรถชน ที่ฝ่ายถูกชนสามารถเรียกร้องจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิดได้ ถือเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ระหว่างที่ฝ่ายถูกชนต้องนำรถเข้าซ่อมแซม
โดยผู้ที่ต้องรับผิดชอบค่าขาดประโยชน์ก็คือ บริษัทประกันภัยของคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แต่หากคู่กรณีไม่ได้ทำประกันไว้ ฝ่ายผู้เสียหายก็สามารถเรียกร้องจากคู่กรณีได้โดยตรง
สำหรับอัตราค่าขาดประโยชน์ขั้นต่ำที่สามารถเรียกร้องได้ กำหนดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งได้บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2562 ดังนี้
หากบริษัทประกันรถของฝ่ายผิด หรือคู่กรณีที่ไม่มีประกันรถ จ่ายค่าขาดประโยชน์ให้น้อยกว่าอัตราขั้นต่ำที่กำหนดไว้ หรือไม่จ่าย จะถือว่าเข้าข่ายความผิดฐานประวิงสินไหม ซึ่งผู้ที่โดนชนสามารถแจ้งความดำเนินคดีต่อไปได้
เงื่อนไขในการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ มีดังนี้
เอกสารที่ใช้ในการเรียกค่าขาดประโยชน์ มีดังนี้
แม้ว่าภาพจากกล้องหน้ารถจะไม่ได้อยู่ในรายการเอกสารที่ใช้เรียกร้องค่าขาดประโยชน์ในการใช้รถ แต่กล้องหน้ารถก็ยังถือเป็นประโยชน์อยู่ดี หากเราเจอคู่กรณีที่บ่ายเบี่ยง ไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายตามที่ตกลงไว้
ดังนั้นเพื่อความอุ่นใจในการขับขี่และประโยชน์สูงสุดของคุณ คาร์แทรค (Cartrack) ก็ขอแนะนำให้หากล้องมาติดตั้งกันไว้ดีกว่า
นอกจากเรื่องของการเรียกร้องค่าเสียหายแล้ว กล้องเหล่านี้ยังมีคุณสมบัติเหมือนเป็นกล้องวงจรปิดติดรถ ซึ่งมอบประโยชน์ที่คุณคาดไม่ถึงได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น
หากยังไม่แน่ใจว่ากล้องติดรถยี่ห้อไหนดีที่สุด ตอบโจทย์การใช้งาน และที่สำคัญคือคุ้มราคา จ่ายง่ายสบายกระเป๋า กล้องติดรถของ Cartrack เรามีระบบ Telematics ทำหน้าที่เหมือนเป็นกล้อง GPS ติดรถไปในตัว มีกล้องหลากหลายรูปแบบให้คุณเลือกติดตั้งตามความต้องการใช้งาน
เลือกติดตั้งเฉพาะกล้องหน้ารถส่องถนน หรือถ้าต้องการเก็บภาพมุมอื่น ๆ ของรถ เช่น บริเวณถังน้ำมัน ด้านในตู้คอนเทนเนอร์ ต้องการกล้องหลังติดรถบรรทุก ฯลฯ ก็สามารถติดตั้งเซนเซอร์เฉพาะทางอื่น ๆ เพื่อใช้งานร่วมกันได้ เช่น เซนเซอร์น้ำมันเชื้อเพลิง เซนเซอร์ประตู เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ เป็นต้น
สนใจอุปกรณ์ GPS ติดตามรถหรือกล้องติดรถ สอบถามและ ทดลองใช้ฟรี กรอกรายละเอียดได้เลย หรือต้องการติดต่อหาเรา โทร 02-136-2920, 02-136-2921 ในวันจันทร์ถึงศุกร์ ระหว่างเวลา 8.30 - 17.30 น. คาร์แทรคยินดีให้บริการ
ตอบ: เนื่องจากกล้องติดรถ (Fleet Camera) ของ Cartrack ได้รับการออกแบบมาสำหรับการติดตั้งเพื่อใช้งานกับรถโดยเฉพาะ สำหรับติดตามตำแหน่งรถ ไปพร้อม ๆ กับการจับภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในรถและด้านนอก เช่น ถนน ด้านหลังรถ
ดังนั้นเพื่อให้กล้องใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนะนำให้ติดตั้งให้ถูกวัตถุประสงค์การใช้งานจะดีกว่า
ตอบ: แม้ว่ากล้องหน้ารถจะติดตั้งในตำแหน่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน แต่รับรองได้เลยว่ากล้องติดหน้ารถ Cartrack จะไม่ถูกถอดออกอย่างง่ายดายแน่นอน เพราะเรามีระบบจัดการกล้อง ให้คุณสามารถดูภาพผ่านกล้องแบบออนไลน์ได้ แม้จะอยู่ห่างจากตัวรถหลายร้อยหลายพันกิโลก็ตาม
รวมถึงกล้องบางรูปแบบ เช่น กล้อง AI Multi Vision ยังมีฟังก์ชันแจ้งเตือนหากมีการพยายามปิดบังหน้ากล้อง คุณจึงรู้ความเคลื่อนไหว หรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ทันที
ตอบ: กล้องติดรถภายในและภายนอกของ Cartrack ทำจากวัสดุที่มีความทนทานสูง ทนต่อแรงกระแทกสูง ดังนั้นคุณภาพของวัสดุย่อมมีการเสื่อมสภาพต่างกัน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
โดยเฉพาะการจอดรถกลางแจ้งที่อาจมีการสะสมความร้อนสูงภายในตัวรถ อุณหภูมิที่สูงนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์กล้องที่ติดตั้งภายในรถเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อวัสดุต่าง ๆ ของตัวรถอีกด้วย
ดังนั้น หากต้องการรักษาสภาพของรถและอุปกรณ์ในรถ ควรหลีกเลี่ยงการจอดรถกลางแจ้งหรือกลางแดดเป็นเวลานาน หรือมีผ้าคลุมบังแดดก็จะช่วยได้
ติดตาม Cartrack (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที
กล้องหน้ารถ อุปกรณ์สำคัญที่ควรมีติดรถ ใช้เป็นหลักฐานบันทึกภาพเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และยังใช้เรียกค่าขาดประโยชน์ได้ด้วย คนมีรถควรเลือกติดกล้องหน้ารถให้ไว