สายจั๊มแบตรถยนต์ เป็นอุปกรณ์ไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ในกรณีที่เกิดข้อบกพร่อง หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า หรือแบตเตอร์รี่รถยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรรู้ไว้
ปัญหารถเสีย สตาร์ทไม่ติด ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้เพียงแค่ในโฆษณาน้ำมันเครื่องอีกต่อไป แต่เป็นปัญหาที่ผู้ใช้รถทุกคนอาจจะพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งสาเหตุของปัญหานี้เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย และทางแก้ปัญหาที่หลายคนนึกถึงเป็นลำดับแรกก็คือ “การจั๊มแบตเตอรี่” เพื่อให้เครื่องยนต์กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง แต่ติดที่ว่าหลายคนไม่รู้วิธีการใช้ สายจั๊มแบตรถยนต์ ที่ถูกต้องอย่างแท้จริง วันนี้เราจึงจะมาไขข้อข้องใจ เพื่อให้คุณได้เข้าใจเกี่ยวกับการใช้ที่จั๊มแบตเตอรี่กันมากขึ้น โดยมีข้อมูลดังนี้
เนื่องด้วยแบตเตอรี่รถยนต์นั้น ถือเป็นแหล่งพลังงานหลักที่เป็นปัจจัยในการทำงานของระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การสตาร์ทเครื่องยนต์, สัญญาณแตรรถยนต์, ไฟส่องทางต่างๆ หรืออุปกรณ์ภายในรถที่มีการใช้ไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่อุปกรณ์เหล่านี้ติดขัด หรือไม่ทำงาน ผู้ใช้รถส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงสาเหตุจากแบตเตอรี่รถยนต์เป็นอย่างแรก ที่อาจจะใช้งานมาระยะหนึ่งจนพลังงานแบตเตอรี่หมดลง ส่งผลให้ระบบไฟฟ้าต่างๆ ในตัวรถไม่ทำงาน ซึ่งวิธีแก้เบื้องต้นเลยก็คือ การใช้สายจั๊มแบตรถยนต์เพื่อให้รถกลับมาสตาร์ทติดอีกครั้ง หรือให้ระบบการทำงานในเครื่องยนต์ต่างกลับมาเป็นปกติดังเดิมนั่นเอง
วิธีการใช้สายจั๊มแบตรถยนต์หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องที่ยาก แต่จริงๆ แล้วทำได้ง่ายกว่าที่คิด โดยมีขั้นตอนการใช้งานดังต่อไปนี้
หลังจากพบว่ารถยนต์ของคุณสตาร์ทไม่ติด ให้คุณทำการปิดสวิทซ์อุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในรถ เพราะหากเปิดเอาไว้ในขณะที่จั๊มแบตเตอรี่นั้น อาจจะทำให้เกิดอันตรายจากกระแสไฟฟ้าได้
ขั้นตอนนี้คุณต้องขอความช่วยเหลือจากรถคันอื่นที่มีปริมาณแบตเตอรี่ปกติ ในการต่อพ่วงสายจั๊มแบตเตอรี่ โดยให้หันบริเวณหน้ารถของคุณและอีกคันเข้าหากัน เพื่อให้ต่อพ่วงได้สะดวกมากขึ้น
ขั้นตอนนี้คุณอาจจะต้องมีสมาธิและใช้ความระมัดระวังกันสักหน่อย เพราะเป็นในส่วนของการจั๊มแบตรถยนต์ของทั้งสองคัน โดยให้คุณนำสายจั๊มแบตรถยนต์ข้างที่เป็นสีแดง (ขั้วบวก) ต่อพ่วงเข้ากับขั้วบวกแบตเตอรี่ของรถที่แบตเตอรี่หมด จำง่ายๆ ก็คือ บวกเจอบวก ส่วนสายจั๊มแบตรถยนต์ที่เป็นสีดำ (ขั้วลบ) ให้ต่อเข้ากับแบตเตอรี่ที่เป็นขั้วลบของรถอีกคัน ส่วนอีกฟากก็ให้ต่อกับตัวถังรถของคันที่แบตเตอรี่หมด
หลังจากต่อพ่วงกันเสร็จแล้ว ให้คุณสตาร์ทเครื่องยนต์ของรถคันที่มีแบตเตอรี่ปกติ โดยทำการสตาร์ททิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที
จากนั้นให้คุณลองสตาร์ทเครื่องยนต์ของรถคันที่แบตเตอรี่หมด เพื่อเช็คว่าแบตเตอรี่จากรถอีกคันเข้ามาถึงแบตเตอรี่รถของคุณหรือไม่ โดยในขั้นตอนนี้ห้ามคุณเปิดไฟทิ้งไว้ เพราะจะทำให้แบตเตอรี่เดินทางเข้ามาไม่ถึง
หากคุณลองทำตามวิธีดังกล่าวนี้แล้ว รถของคุณก็จะกลับมาใช้งานได้ปกติอีกครั้ง แต่ถ้าคุณจั๊มแบตเตอรี่แล้วยังทำไม่ได้ ให้คุณลองพักสักครู่แล้วกลับมาสตาร์ทใหม่อีกครั้ง และถ้าพบว่าสตาร์ทหลายครั้งแล้วก็ยังใช้การไม่ได้ ให้คุณดับเครื่องแล้วโทรติดต่อสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่หรือคาร์แคร์ที่คุณใช้บริการเพื่อสอบถามปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นดู เพราะสาเหตุที่แท้จริงอาจจะไม่ได้เกิดความขัดข้องที่แบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวก็เป็นได้
เพื่อให้แบตเตอรี่รถยนต์สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ยาวนาน คุณจะต้องดูแลแบตเตอรี่ให้ถูกวิธีด้วย โดยเราก็มีวิธีการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์มาแนะนำกันดังนี้
เพื่อการรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น คุณควรคำนึงถึงข้อจำเป็นต่างๆ เหล่านี้ไว้ เพื่อดูแลรักษาแบตเตอรี่ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพราะถ้าเกิดเหตุขัดข้องเกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์ระหว่างทาง คุณอาจจะต้องเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้อารมณ์เสียอีกด้วย และเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในการขับขี่รถยนต์บนท้องถนน
เราขอแนะนำให้ติด GPS ให้กับรถยนต์ของคุณ เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณเกิดปัญหาต่างๆ บนท้องถนน GPS นำทางนี้จะสามารถเป็นสื่อกลางในการติดต่อขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่รู้ตำแหน่งของคุณได้ด้วย นอกจากนี้ GPS ยังช่วยป้องกันรถหายหรือถูกขโมยได้เหมือนกัน เพราะจะทำให้คุณสามารถติดตามเอารถคืนได้อย่างง่ายดาย ด้วยการตรวจสอบพิกัดของ GPS นั่นเอง
สายจั๊มแบตรถยนต์ เป็นอุปกรณ์ไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ในกรณีที่เกิดข้อบกพร่อง หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า หรือแบตเตอร์รี่รถยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรรู้ไว้