BLOGS

การนำ Digital technology มาใช้ในงานขนส่ง

คุณต้องการให้ คาร์แทรค ช่วยเหลือเรื่องอะไร?

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

ปัจจุบัน Digital Technology ได้ถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดดและต่อเนื่อง จากเดิมที่ ดิจิตอล เป็นเพียงการส่งข้อความผ่านอีเมล์ที่เข้ามาแทนที่การส่งจดหมายอย่างในอดีต และต่อมาก็ได้เกิดเป็น เว็ปไซต์ ให้สามารถอัพเดทข่าวสารและเรื่องราวต่าง ๆ ได้สะดวกกว่าการค้นหาในหนังสือ และช่วยให้การค้นหาเกิดขึ้นได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ต่อมา ดิจิตอล เทคโนโลยี ก็ได้รับการพัฒนาให้เข้าสู่สังคม โซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค เครือข่ายการสื่อสารที่ช่วยให้ผู้คนสามารถมาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ในวงกว้างและเป็นสาธารณะมากขึ้น ยิ่งเมื่อได้รับการพัฒนาให้เข้าสู่กิจกรรมทางธุรกิจก็ยิ่งทำให้สื่อสังคมออนไลน์มีพลังงานขับเคลื่อนมากขึ้น

การใช้สื่อออนไลน์ หรือระบบออนไลน์ ในการทำงานควบคู่กัน

ธุรกิจเกือบทุกประเภทรวมถึงธุรกิจงานขนส่งล้วนใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการสร้างแบรนด์และนำเสนอผลงานให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจได้ติดตามธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ต่อมา Digital technology ก็เริ่มเข้าสู่ระบบธุรกิจแบบ E-commerce เป็นยุคแห่งข้อมูลและมาถึงยุคของ Big data ที่ข้อมูลยิ่งมากและตรงใจกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดย่อมมีพลังงานในการดึงดูดความสนใจ

ด้วยข้อมูลที่มากมายเช่นนี้ทำให้เกิดระบบขึ้นมารองรับการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลนี้อย่างระบบ Cloud เป็นต้น แต่เมื่อข้อมูลมากการประมวลผลและนำข้อมูลมาใช้ก็ยิ่งต้องทำให้ง่ายและสะดวกขึ้น จนเกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่าแอพพลิเคชันขึ้นมาใช้งาน จนถึงยุคปัจจุบันที่เกิด AI หรือยุคที่เทคโนโลยีสามารถประมวลผลและสั่งการได้ด้วยตนเองแล้ว

ในงานขนส่งเองในยุคแรก ๆ อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะส่งข้อความหรือพัสดุให้ถึงมือผู้รับ อาศัยการทำงานของเครื่องจักรกลเป็นหลักไม่ว่าจะเป็นรถไฟ เรือ หรือรถยนต์ เป็นหลัก ต่อมาจึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีของยานพาหนะให้รวดเร็วมากขึ้น

แต่ก็ยังต้องอาศัยระยะเวลาในการดำเนินการส่วนต่าง ๆ ทั้งการประสานรับสินค้า การเดินทาง และการส่งมอบสินค้า ซึ่งเมื่อเข้าสู่ยุค Digital ก็ส่งผลให้ธุรกิจการขนส่งต้องปรับตัวตามไปด้วย โดยมีรายละเอียดสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขนส่งดังต่อไปนี้

การจัดการข้อมูล

ข้อมูลต่าง ๆ ในงานขนส่งนั้นมีมากมาย ทั้งชนิดของสินค้า ปริมาณ สถานะการจัดเก็บในระหว่างการขนส่ง และข้อมูลของลูกค้าทั้งสถานที่นัดหมายเพื่อรับและส่งสินค้า วันที่และเวลาที่นัดหมาย ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้จำเป็นต้องจัดเก็บอย่างเป็นระบบ

เพื่อให้นำข้อมูลเหล่านี้มาบริหารจัดการงานขนส่งต่าง ๆ ของธุรกิจขนส่งให้มีประสิทธิภาพ ทั้งยังจำเป็นต่อการวางแผนงานไม่ว่าจะเป็นเส้นทางในการเดินรถ การจัดคิวรถ ซึ่งช่วยให้เวลาดำเนินการมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การเข้าถึงลูกค้าที่ง่ายและสะดวกมากขึ้น

แต่เดิมธุรกิจการขนส่งจำเป็นต้องอาศัยนายหน้าหรือตัวแทนขายเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย หรืออาจอยู่ในรูปแบบของสถานที่ตั้งเพื่อให้ผู้ที่ต้องการส่งสินค้าเข้ามาฝากส่งถึงที่ ทำให้ในบางสถานที่ไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก

ดังนั้นเมื่อมีการนำ Digital technology มาใช้ก็จะช่วยให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเข้าถึงงานขนส่งได้ง่ายและสะดวกขึ้น กลุ่มลูกค้าสามารถเรียกใช้บริการได้ตลอดเวลาที่ต้องการด้วยอุปกรณ์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ได้ 24 ชั่วโมง

ความปลอดภัยในการให้บริการ

นอกจากการนำระบบ Digital technology มาใช้เพื่อเข้าถึงลูกค้าแล้ว ยังสามารถนำระบบเทคโนโลยีนี้มาใช้ติดตามและประมวลผลการขนส่งในแต่ละครั้งได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าสินค้าหรือพัสดุที่อยู่ระหว่างการขนส่งจะปลอดภัยไม่สูญหาย หรืออยู่ภายในสภาวะที่เหมาะสมตลอดระยะเวลาการขนส่งอีกด้วย ในปัจจุบันยังมีเทคโนโลยีการติดตามรถขนส่งที่สามารถบอกสถานะของรถขนส่งได้แบบ Real-time ก็ยิ่งง่ายต่อการป้องกันและแก้ไขในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ประสิทธิภาพในการลดต้นทุน

เมื่อนำ Digital technology มาใช้ในธุรกิจงานขนส่งก็จะเป็นการช่วยให้สามารถประมวลผลการดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาในการเดินทาง ระดับพลังงานเชื้อเพลิงที่ต้องใช้ในการขนส่งแต่ละครั้ง การเสื่อมสภาพของอะไหล่หรืออุปกรณ์ รวมทั้งพฤติกรรมของผู้ควบคุมยานพาหนะว่าเป็นเช่นไร

ซึ่งเมื่อสามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็วก็จะเป็นทำให้ทางบริษัทขนส่งสามารถกำหนดมาตรการมาแก้ไขและป้องกันปัญหา รวมถึงมาตรการในการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

โอกาสในการขยายตลาด

การนำ Digital technology มาช่วยในธุรกิจขนส่งนั้นช่วยให้รูปแบบการดำเนินธุรกิจมีการปรับเปลี่ยนและพัฒนามากขึ้น ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่จัดเก็บสินค้าเป็นจำนวนมาก ๆ หรือเป็นระยะเวลานาน ๆ เหมือนในอดีต ลดภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้มาก จึงทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถเพิ่มเงินลงทุนในการขยายตลาดได้มากขึ้น

หรือบางธุรกิจอาจไม่มีรถขนส่งเป็นของตัวเองแต่ทำหน้าที่เป็นเพียงสื่อกลางระหว่างผู้ส่ง บริษัทขนส่ง และผู้รับเท่านั้นผ่านระบบแอพพลิเคชัน ทำให้มีศักยภาพทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น

การจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้รวดเร็ว

หากรถเกิดอุบัติเหตุ เครื่องยนต์เสียหาย หรือสภาวะการจัดเก็บสินค้าไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด การนำเทคโนโลยีการติดตามมาใช้งานขนส่ง ก็จะช่วยให้ผู้ติดตามทราบสถานการณ์ได้ทันที สามารถประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าทำการช่วยเหลือ หรือเตือนให้พนักงานที่ขับเคลื่อนยานพาหนะอยู่เพิ่มความระมัดระวังได้

เมื่อประโยชน์และข้อดีในการนำ Digital technology มาใช้ในงานขนส่งจึงทำให้ศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น การปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ โดยเทคโนโลยีด้าน Digital เองก็ยังคงมีแนวโน้มพัฒนาอย่างก้าวกระโดด กลายเป็นตัวเร่งธุรกิจใหม่ให้เกิดขึ้นและเติบโตตามไปด้วยมากมาย โดยเฉพาะธุรกิจ E Commerce ที่ต้องอาศัยธุรกิจขนส่งมาช่วยในการขยายตลาด ดังนั้นหากนำมาทำควบคู่กับธุรกิจขนส่งก็ยิ่งส่งเสริมให้ธุรกิจนี้มีโอกาสเติบโตไปได้อีกมากในอนาคต

งานขนส่ง ในสมัยใหม่ ใช้เทคโนโลยีเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้ง ระบบ GPS, โปรแกรมการสั่งหรือรับงาน, การใช้งานเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์