ถ้าเราลองสังเกตอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหลาย ๆ กรณีเวลาที่เกิดการชนกันของรถแล้วคู่กรณีมักหนีหายไปแบบไร้ร่องรอยปล่อยให้คนที่โดนชนต้องได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายอยู่เพียงลำพัง ซึ่งในทางกฎหมายหากคุณ ชนแล้วหนี ยังไงก็ย่อมมีความผิดอยู่แล้ว กระนั้นเรายังคงเห็นข่าวเรื่องนี้บนท้องถนนของประเทศไทยบ่อย ๆ ซึ่งมีหลายประเด็นที่พอตามจับตัวผู้กระทำผิดได้ ก็อ้างต่าง ๆ นานา บทความนี้จะบอกเล่าเกี่ยวกับข่าวเด่นสุดดราม่าเกี่ยวกับการ ชนแล้วหนีเพื่อยกมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า หากตนเองผิดจริง ๆ ก็ควรต้องรับผลที่เกิดขึ้นให้ได้
กลายเป็นคลิปที่มีแต่คนรุมประณามพร้อม ๆ กับรู้สึกอึ้งไปพร้อมกันกับการกระทำของผู้ขับรถกระบะคันหนึ่ง โดยข่าวนี้มาจากคลิปของผู้ใช้งานเฟซบุ๊กนามว่า สงกรานต์ ละอ่อน เมืองแปะ ที่ได้แชร์ลงบนสื่อโซเชียลถึงความโหดร้ายในสังคม เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดบริเวณสามแยกหนึ่ง
จากภาพของกล้องที่ถูกแชร์นั้นพบว่ามีรถกระบะสีดำได้เลี้ยวเข้าซอยแบบกะทันหันจากฝั่งตรงข้ามโดยไม่ได้สังเกตรถจักรยานยนต์ที่วิ่งมาในเลนตรงอีกฝั่งถนนเลย เมื่อมีการเลี้ยวตัดหน้าแบบนี้รถจักรยานยนต์จึงพุ่งชนเข้ากับรถกระบะแบบเต็มแรงจนร่างของผู้ขับขี่กระเด็นลงมาอยู่กับพื้นเป็นลักษณะการล้มคว่ำแต่คาดว่าน่าจะไม่ยังเสียชีวิต
ทว่าไม่รู้ด้วยสันดานดิบหรืออะไรแทนที่จะลงมาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บรถกระบะคันดังกล่าวกลับถอยรถมาเหยียบร่างของคนขี่จักรยานยนต์ซ้ำท่ามกลางความตกตะลึงของคนที่กำลังเข้าไปให้ความช่วยเหลือ จากนั้นก็ขับหนีไปอย่างรวดเร็วและทำให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เสียชีวิตในเวลาต่อมา ถือว่าเป็นเหตุการณ์ชนแล้วหนีที่อำมหิตและเลวร้ายมาก ๆ เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
เหตุการณ์ต่อมาก็ถือว่าสยดสยองไม่แพ้กันโดยไปที่ สภ.เมืองชลบุรี มีการรับแจ้งเหตุบริเวณถนนบายพาสเลี่ยงเมืองชลบุรี ต.นาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ว่าพบผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหนักจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เจ้าหน้าที่เวรจึงรีบเข้าไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงก็พบศพหญิงสาวทราบชื่อคือ น.ส.ศุภวรรณ บุตรดี นอนเสียชีวิตด้วยสภาพศพโดนเหยียบเละ ห่างออกไปราว 5 ม. พบรถจักรยานยนต์พังเสียหายสภาพโดนเหยียบเละเช่นกัน ขณะที่หนุ่มอีกรายทราบชื่อคือนายพรชัย ศรีรัตนชุมพล ได้รับบาดเจ็บสาหัสทางกู้ภัยต้องรีบนำตัวส่ง รพ.ชลบุรี
มีการสอบสวนผู้พบเห็นเหตุการณ์เป็นพ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยวให้การว่า ได้ยินเสียงรถเบรกดังสนั่นจึงหันไปดูปรากฏมีรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ใกล้รถพ่วง 18 ล้อ จากนั้นรถพ่วงคันดังกล่าวก็เหยียบร่างคนแล้วเร่งเครื่องหนีไปโดยไม่จอดลงมาดูใด ๆ ทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอเข้าตรวจกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อตามตัวผู้กระทำผิดที่ชนแล้วหนีมาดำเนินคดีต่อไป
กรณีได้มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กทำการโพสต์คลิปซึ่งเป็นคลิปจากบริเวณกล้องหน้ารถเพื่อต้องการให้เบาะแสกรณีพ่อแม่ลูกโดนรถเก๋งคันหนึ่งชนแล้วขับหนีไปบริเวณปากซอยรามอินทรา 43 ส่งผลให้ตัวผู้เป็นพ่อกับลูกสาวได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุดนางปภาวี ซึ่งเป็นบุคคลที่ปรากฏในคลิปได้ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า เมื่อช่วงหัวค่ำตนเองพร้อมสามีและลูกได้ขี่รถจักรยานยนต์บริเวณเลียบถนนทางด่วนรามอินทรา จู่รถยนต์ซูซูกิได้ขับมาอย่างเร็วเพื่อต้องการแทรกขึ้นไปข้างหน้า ทว่ารถคันดังกล่าวได้มาเกี่ยวเข้ากับจักรยานยนต์ของตนจนล้มส่งผลให้ตนเอง สามีและลูกกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง แทนที่คู่กรณีจะลงมาดูกลับขับหนีไปเลย
ตนเองมีแผลตามร่างกายนิดหน่อย ลูกสาวมีแผลถลอกบริเวณหัวเข่า ส่วนสามีบาดเจ็บเยอะสุด อีกทั้งตนเองเป็นเบาหวานการเป็นแผลแบบนี้จะทำให้หายยากจึงอยากให้คู่กรณีเข้ามาขอโทษพร้อมรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นอีกเหตุการณ์เรื่องชนแล้วหนีที่ต้องมีผู้มารับเคราะห์ทั้งที่ไม่ควรเกิดขึ้น
ข่าวสุดท้ายไปกันที่ สภ.คลองหลวง ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถกระบะชนกับจักรยานยนต์แล้วหลบหนีไปตรงถนนเลียบคลองสามหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นเด็กผู้หญิงและบาดเจ็บอีก 2 ราย ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือนายภาคิน และนายจิรศักดิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์อีกคัน
โดยนายภาคินให้การว่า ตนขับออกจากห้างบิ๊กซีเพื่อกลับบ้าน โดยขับเลนซ้ายสุดจนมาถึงทางข้ามแห่งหนึ่งก็ชะลอเพื่อให้คนข้ามปรากฏรถกระบะไม่ยอมเบรกทำให้ชนเข้ากับรถของตนโดยได้ซ้อนท้ายน้องสาวจนกระเด็นตกไปอีกทั้งยังชนกับรถจักรยานยนต์อีกคันแล้วได้ขับหลบหนีไป โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามตัวคนขับกระบะมาดำเนินคดีต่อไป เป็นเหตุสลดของการชนแล้วหนีที่น่าเศร้ามาก ๆ อีกเรื่อง
จากข่าวที่ยกมานำเสนอจะเห็นว่าพฤติกรรมของคนชนแล้วหนีเป็นเรื่องที่รับไม่ได้จริง ๆ อย่างน้อยการลงมาดูอาการผู้บาดเจ็บแล้วนำส่งโรงพยาบาลรวมถึงการรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ดีกว่าการหนีไปเช่นนี้ และยังมีความผิดตามกฎหมายด้วย
ข่าวเด่นสุดดราม่าเกี่ยวกับการ ชนแล้วหนี ยกมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า หากตนเองผิดจริงๆ ก็ควรต้องรับผลของความประมาทจากฝีมือตัวเองที่เกิดขึ้นให้ได้
