สิ่งหนึ่งที่ผู้ขับขี่รถทุกประเภทบนท้องถนนที่ใช้งานร่วมกันต้องคำนึงถึงมาก ๆ คือการขับขี่ให้ถูกต้องตามกฎจราจร เพราะการสร้างกฎหมายนี้ขึ้นมาหลัก ๆ ก็เพื่อความปลอดภัยของทุกคน แต่ปัญหาในสังคมไทยที่มักพบเจอกันบ่อย ๆ คือ บรรดาผู้ขับขี่จำนวนมากไม่มีการเคารพวินัยจราจร จนเกิดปัญหาตามมามากมายโดยเฉพาะเรื่องของอุบัติเหตุและความสูญเสีย บทความนี้จะพามาดูตัวอย่างเกี่ยวกับข่าวเรื่องวินัยและกฎหมายจราจรที่เป็นกระแสสังคมแล้วลองตัดสินกันดูว่าเหมาะสมหรือไม่
จากกรณีที่ ร.ต.อ.เดชา เปรียบสม รองสารวัตรงานป้องกันและปราบปราม สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้ขับขี่รถกระบะขณะมึนเมา ไม่มีการติดป้ายทะเบียนพุ่งข้ามเลนชนกับรถพยาบาล รพ.ประโคนชัย จนทำให้นางพยาบาลวิชาชีพเสียชีวิต 1 ราย ขณะที่เจ้าตัวกำลังดูแลสาวตั้งครรภ์อยู่ภายในรถ และคนในรถก็ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย รวมถึงสาวท้อง ซึ่งสาวรายดังกล่าวได้ไปถูกส่งไปคลอดลูกต่อทันทีในวันเดียวกับที่เกิดเหตุ
ล่าสุดหลังเจ้าตัวกลับมาอยู่บ้านได้เปิดใจกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นว่าอยากขอบคุณนางพยาบาลผู้เสียสละที่ทำให้ตนเองสามารถคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัยพร้อมทั้งเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันนายตำรวจที่เมาแล้วขับไม่เคยมาถามไถ่หรือเยี่ยมเยียนใด ๆ ทั้งสิ้น สามีตนเองได้รับบาดเจ็บขาหักเดินไม่ได้ ทำให้แม่ที่ทำงานในกรุงเทพฯ ต้องลางานมาดูแล มีการยืมเงินเพื่อนบ้านเพื่อไปรักษาตัวอยากให้คู่กรณีมาแสดงออกถึงความรับผิดชอบที่เกิดขึ้น
จากข่าวนี้จะเห็นได้ว่าไม่ใช่แค่การทำผิด วินัยจราจร แต่มันคือการทำผิดกฎหมายด้านเมาแล้วขับด้วย โดยผู้กระทำความผิดยังเป็นเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายอีกต่างหาก
ข่าวต่อไปเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถชนบริเวณสามแยกหน้าสำนักงานเทศบาลนครแม่สอด เป็นรถกระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ บรอนซ์ทอง สภาพด้านหน้าชนยับจนฝากระโปรงเปิด ผู้ขับขี่คือนายบรรจบ สิระใจ กำลังพาครอบครัวไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของโดยทางที่ตนเองขับเป็นทางตรงและเป็นสัญญาณไฟเขียว
ส่วนรถอีกคันเป็นรถนิสสัน มาร์ช สีชมพูอ่อน ของ น.ส.ศิริวิภา นายอง รถฝั่งซ้ายโดนชนกลางลำพังเละ มีคนโดยสาร 2 ราย โดย น.ส.ศิริวิภา ได้ให้การกับตำรวจที่เข้าไปดำเนินเรื่องว่าตัวเขาไม่เห็นว่าตรงนี้มีป้ายห้ามกลับรถและไม่รู้ว่าห้ามกลับจึงได้ทำการหักเลี้ยวเพื่อกลับรถ รวมถึงไม่รู้ด้วยว่าอีกฝั่งเป็นสัญญาณไฟเขียว
จากอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บร่วม 10 ราย พร้อมกันนี้ได้ดำเนินเรื่องเพื่อเตรียมเอาผิดกันต่อไป จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะด้วยความตั้งใจหรือไม่เห็นจริง ๆ ก็ตามทว่าการขับรถผิดวินัยจราจร นำมาซึ่งอุบัติเหตุได้เสมอ โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้
เป็นเรื่องราวเมาแล้วขับอีกรายหลังได้รับแจ้งว่ารถกระบะอีซูซุ สีดำ พยายามหลบหนีการจับกุมเมื่อเจอเจ้าหน้าที่เรียกตรวจเพื่อเป่าแอลกอฮอล์ ผู้หลบหนีได้ใช้เส้นทางพานทอง – บ้านเก่า เลียบมอเตอร์เวย์รวมระยะทางราว 6 กม. เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณ ต.บางนาง อ.พานทอง จ.ชลบุรี เลียบมอเตอร์เวย์ เชื่อว่าไม่ชินเส้นทาง ประกอบกับถนนมืดมาก ส่งผลให้รถเสียหลักแล้วพลิกคว่ำชนเสาไฟฟ้า ตำรวจจึงจับกุมไว้ได้
ตำรวจได้นำตัวนายสุทธิ วงษ์เบาะ เป็นชาวจังหวัดเลย มาทำการสอบสวน อ้างว่าระหว่างขับรถมาพอเห็นตำรวจก็เกิดอาการตกใจจึงฝ่าด่านหนีเนื่องจากดื่มมาแล้วกลัวว่าจะตรวจเจอ ตนได้ขับรถมาด้วยความเร็วกระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุก็ได้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น
ทั้งนี้ยอมรับว่าผิดจริงที่ดื่มแล้วขับแต่ยืนยันไม่มีสิ่งของผิดกฎหมายแน่นอน เมื่อมีการวัดปริมาณแอลกอฮอล์พบว่าขึ้นสูงถึง 197 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จึงทำการตั้งข้อหาเมาแล้วขับพร้อมส่งตัวดำเนินคดีต่อไป เป็นอีกเรื่องของวินัยจราจร ที่ทำไปเพราะเมาแล้วขับ
แม้รู้ว่าผิดกฎหมายแต่ก็ต้องจำใจสำหรับบรรดารถจักรยานยนต์รับจ้าง ล่าสุดมีผู้สื่อข่าวของอัมรินทร์ ทีวี ได้ไปสัมภาษณ์กับนายแจ็ค วินจักรยานยนต์ย่านเซ็นทรัลบางนา – ตราด 21 โดยนายแจ๊คระบุว่าเพื่อความรวดเร็วก็จำเป็นต้องย้อนศร เมื่อก่อนย้อนบนทางเท้าแล้วโดนร้องเรียน แม้เคยโดนจับและปรับแต่ก็จำเป็นต้องทำ ยอมรับเห็นแก่ตัวและรู้ว่าผิดกฎหมายแต่ก็ต้องทำเนื่องจากวิธีนี้เป็นวิธีที่ทำให้รับผู้โดยสารได้เร็วที่สุด
จะว่าไปมันก็ถือเป็นการทำผิดวินัยจราจรกันเป็นประจำและสามารถเกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลาอย่างที่เป็นข่าวบ่อย ๆ เกี่ยวกับการขับขี่รถย้อนศร
จากข่าวต่าง ๆ นี้จะเห็นว่าเมื่อคนเราทำผิดกฎและผิดวินัยจราจร ปัญหาต่าง ๆ ที่ตามมาล้วนรุนแรงด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินพังเสียหาย ร่างกายได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเสียชีวิต หากเราใส่ใจกันสักนิดแล้วเลือกปฏิบัติให้เหมาะสมทั้งเคารพกฎและมีวินัยด้านการจราจรเชื่อว่าเมืองไทยของเราจะลดอุบัติเหตุลงไปได้อีกมาก เมื่ออุบัติเหตุจำนวนน้อยลง การใช้ชีวิตย่อมมีความสุขตามมานั่นเอง
สิ่งหนึ่งที่ผู้ขับขี่รถทุกประเภทบนท้องถนนที่ใช้งานร่วมกันต้องคำนึงถึง คือ การขับขี่ให้ถูกต้องตามกฎจราจร เพื่อความปลอดภัยของทุกคน