BLOGS

Last Mile Delivery: ขนส่งขาสุดท้าย จัดการเป็นก็กำไรเห็นๆ!

สนใจใช้งาน GPS ติดรถ Cartrack วันนี้ ปรึกษาฟรี!

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

ธุรกิจของคุณจัดการขนส่งที่เรียกว่า Last Mile Delivery หรือ Last Mile Logistics อยู่หรือไม่? หากว่าใช่ คุณรู้ไหมว่า ถ้าจัดการให้ดีมีระบบชัดเจน ธุรกิจจะสามารถลดต้นทุนและเก็บกำไรเพิ่มมากเลยทีเดียว! 

ความหมายที่แท้จริงและเคล็ดลับการทำ Last Mile Delivery ให้ธุรกิจได้ผลประโยชน์มากขึ้น อยู่ในบทความคาร์แทรคตอนนี้แล้ว

บทความตอนนี้ชวนคุยเรื่อง:

  • Last Mile Delivery คืออะไร?
  • ซัพพลายเชน มีกี่ระยะ?
  • Last Mile Delivery ที่เติบโตในยุคโควิด-19
  • สิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อความคาดหวังของลูกค้าและการขนส่งของธุรกิจไม่ตรงกัน
  • ค่าใช้จ่ายในขั้นตอนการขนส่งสินค้า มีอะไรบ้าง?
  • ประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้าผู้รับปลายทาง สำคัญอย่างไร?

Last Mile Delivery คืออะไร?

Last Mile Delivery หรือ Last Mile Logistics คือ การส่งสินค้าระยะหรือขาสุดท้าย จากผู้ส่งถึงมือผู้รับ ซึ่งอาจจะเป็นการขนส่งจากศูนย์กระจายสินค้าไปยังผู้รับปลายทางสุดท้าย หรืออาจเป็นจากโรงงานผู้ผลิตถึงผู้รับปลายทางก็ได้ คีย์หลักคือ จบที่ถึงมือผู้รับปลายทาง ไม่ได้ส่งไปที่ไหนต่อ

การขนส่งสินค้าระยะนี้ ถูกมองว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดและท้าทายที่สุดของการขนส่ง เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการส่งมอบสินค้าจริงไปยังปลายทางสุดท้าย ซึ่งต้องเน้นประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว และคุ้มค่าทางต้นทุนเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

ถึงแม้ว่าระยะทางการขนส่งจะสั้นเมื่อเทียบกับระยะอื่นๆ แต่การส่งสินค้าระยะสุดท้ายมีความซับซ้อน และความท้าทายเกิดจากการย้ายสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าหรือศูนย์ขนส่งไปยังผู้รับปลายทาง เช่น บ้านของลูกค้า ซึ่งขาดการควบคุมความคงที่ 

ในขณะที่กระบวนการขนส่งที่กว้างขึ้น มีทั้งการขนส่งหลายทาง เช่น ทางรถไฟ ทะเล ถนน และอากาศ การขนส่งระยะสุดท้าย จึงมีความยากเฉพาะตัวที่ทำให้มันเป็นส่วนที่สำคัญและซับซ้อนของระบบการขนส่งสินค้าทั้งหมด

เพื่อให้เข้าใจการส่งสินค้าระยะสุดท้ายอย่างครบถ้วน เราจึงจำเป็นต้องรู้ซัพพลายเชนอื่นๆ ด้วย

ซัพพลายเชน สายพานการส่งสินค้า

ซัพพลายเชน (Supply Chain) หรือชื่อไทยว่าห่วงโซ่อุปทาน คือ เครือข่ายของบุคคล กิจกรรม และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการสร้างและการขายผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การจัดส่งวัตถุดิบจากผู้จัดหาจนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปให้กับลูกค้า 

แต่ธุรกิจหรือคนทั่วไปจะคุ้นชินกับคำว่า ซัพพลายเชน มากกว่า บทความคาร์แทรคจึงขอใช้คำว่า ซัพพลายเชน เมื่อพูดถึง Supply Chain เพื่อให้เข้าใจความรู้ง่ายที่สุด

ซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าระยะสุดท้าย ได้แก่

ระยะแรก:

การส่งสินค้าระยะแรกหมายรวมถึงการขนส่งและการประกอบวัตถุดิบ ซึ่งผลิตภัณฑ์ถูกจัดหา ผลิต และเคลื่อนย้ายจากแหล่งต้นทางไปยังคลังสินค้า หรือศูนย์กระจายสินค้า

ตัวอย่างของการขนส่งสินค้าระยะแรก เช่น การขนส่งเสื้อผ้าล็อตใหม่และจำนวนมากจากโรงงานไปยังศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาค เป็นต้น

ระยะกลาง:

การขนส่งสินค้าระยะกลางเป็นตัวเชื่อมระหว่างระยะแรกและระยะสุดท้ายของการขนส่งสินค้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาคไปยังสถานีคัดแยก เช่น เคลื่อนย้ายสินค้าจากท่าเรือหรือโรงงานไปยังคลังสินค้าหรือศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาค

แตกต่างจากการส่งสินค้าระยะแรกที่เกี่ยวข้องกับผู้ผลิตแต่ละรายหรือโรงงาน และการส่งสินค้าระยะสุดท้ายที่มุ่งเน้นการส่งสินค้าถึงลูกค้าปลายทาง การส่งสินค้าระยะกลางครอบคลุมการขนส่งสินค้าระหว่างคลังสินค้าและจุดส่งสินค้าที่กำหนดแต่ยังไม่ใช่จุดหมายปลายทางสุดท้าย 

การขนส่งนี้มักเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายสินค้าข้ามระยะทางที่ยาวขึ้น ซึ่งอาจข้ามภูมิภาคต่าง ๆ หรือพรมแดนระหว่างประเทศ

เพื่อให้การดำเนินการนี้มีประสิทธิภาพ ธุรกิจอาจต้องใช้รูปแบบการขนส่งหลายรูปแบบ เช่น รถบรรทุกหรือเครื่องบิน ทำให้เป็นส่วนที่ซับซ้อนและท้าทายของการเดินทางโลจิสติกส์ทั้งหมด

ตัวอย่างของการขนส่งสินค้าระยะกลาง เช่น การขนส่งเสื้อผ้าล็อตใหม่และจำนวนมากจากศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาคไปยังสถานีคัดแยกที่ศูนย์กลาง ที่ซึ่งสินค้าถูกจัดระเบียบและเตรียมจัดส่งไปยังร้านค้าปลีกต่างๆ ทั่วประเทศ

Last Mile Delivery เติบโตพร้อมกับเศรษฐกิจ ในยุคโควิด-19

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เร่งการเติบโตของธุรกิจค้าขายออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซ อีคอมเมิร์ซกลายเป็นบริการที่สำคัญในการซื้อสินค้าหลากหลายประเภท เมื่อร้านค้าทางกายภาพต้องปิดชั่วคราวหรือดำเนินการภายใต้ข้อจำกัด ทำให้ผู้ซื้อหันมาซื้อของออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและสะดวกสบายมากกว่า

ระบบจัดการขนส่ง Last Mile Delivery

การเพิ่มขึ้นของลูกค้าใหม่และความคาดหวังของธุรกิจ

การเติบโตของอีคอมเมิร์ซได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการขนส่งสินค้าระยะสุดท้าย ทำให้เกิดความคาดหวังใหม่ ๆ จากลูกค้าสำหรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ 

หัวใจของอีคอมเมิร์ซ คือ ความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับผู้บริโภค และการเติบโตของมันไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่การที่ลูกค้าเหล่านี้มีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิ่งที่พวกเขาคาดหวังจากธุรกิจด้วย

ความคาดหวังที่มีมากที่สุดที่เพิ่มขึ้น ได้แก่

1. ความต้องการซื้อ

การช้อปปิ้งออนไลน์ทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้คนสามารถสั่งซื้อสิ่งที่ต้องการได้เพียงแค่แตะโทรศัพท์หรือคลิกคอมพิวเตอร์ ความสะดวกสบายนี้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมากในความต้องการสินค้าต่างๆ 

เราจะเห็นได้ว่า จำนวนพัสดุที่ส่งตามบ้านหรือสำนักงานเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้จะยอดเยี่ยมเพราะมันเท่ากับกำไรที่สูงขึ้น แต่ก็หมายความว่าธุรกิจต้องมีแผนการขนส่งที่ดีรองรับ เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจจะรองรับการขนส่งได้ดี และไม่ขาดทุนเพราะการขนส่ง

2. ความต้องการส่งที่รวดเร็วและเชื่อถือได้

ความสะดวกสบายของการช้อปปิ้งออนไลน์ได้เพิ่มความคาดหวังของลูกค้าในการส่งสินค้าที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ และคุ้มค่า จนถึงขั้นที่หลายธุรกิจเสนอการส่งในวันเดียวกันหรือวันถัดไป 

ความคาดหวังนี้เป็นแรงผลักดันให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ต้องตอบสนองความต้องการนี้ ในขณะที่ความเต็มใจของลูกค้าเฉลี่ยในการรอการส่งสินค้าอาจแตกต่างกัน แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าลูกค้าต้องการรับสินค้าของพวกเขาโดยเร็วที่สุด 

ตัวอย่างข้อมูลจากอุตสาหกรรมค้าปลีกพบว่า 41% ของลูกค้าทั่วโลกคาดหวังการส่งของภายใน 24 ชั่วโมง และ 60% ของลูกค้าช้อปปิ้งออนไลน์หวังว่า การส่งของจะถึงมือภายในสามวัน

3. การติดตามและความชัดเจนแบบเรียลไทม์

จุดขายหลักของการช้อปปิ้งออนไลน์คือ ลูกค้าสามารถทราบได้ว่าการส่งสินค้าของพวกเขาอยู่ที่ไหน 

เทคโนโลยีขั้นสูงทำให้ธุรกิจสามารถมองเห็นการดำเนินงานทั้งหมดของพวกเขาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งรวมถึงในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ด้วย ลูกค้าต้องการทราบว่าสินค้าของพวกเขาอยู่ที่ไหนและจะใช้เวลานานเท่าไหร่ที่พัสดุจะมาถึงหน้าประตูบ้าน

จะเกิดอะไรขึ้น หากความคาดหวังของลูกค้าและการขนส่งของธุรกิจไม่ตรงกัน?

ความสำเร็จของธุรกิจและความสามารถในการดำเนินการส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับความสามารถของธุรกิจในการตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า 

ความท้าทายที่พบได้ประจำในการขนส่งสินค้าระยะสุดท้าย มีดังนี้

1. การขาดความโปร่งใส

การขาดความโปร่งใสในการจัดส่งสินค้า หมายถึง การที่ข้อมูลการขนส่งมีอย่างจำกัดหรือไม่ชัดเจนเพียงพอเกี่ยวกับสถานะและตำแหน่งของการจัดส่ง ขณะที่อยู่ระหว่างการขนส่ง จนทำให้ยากที่จะระบุและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการส่งสินค้า 

2. การวางแผนเส้นทางที่ไม่เพียงพอ

สภาพที่ไม่แน่นอนบนถนนขณะทำการส่งสินค้า เช่น การปิดถนนและสภาพการจราจรที่เกิดจากอุบัติเหตุหรือสภาพอากาศที่รุนแรง ส่งผลกระทบต่อการส่งสินค้าถึงมือผู้รับปลายทาง 

การวางแผนเส้นทางที่ไม่ดีอาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงขึ้น เนื่องจากเส้นทางที่ไม่มีประสิทธิภาพมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและแรงงานที่เพิ่มขึ้น

3. การส่งสินค้าล่าช้า

การส่งสินค้าล่าช้า หมายถึง ความไม่สามารถส่งสินค้าถึงมือลูกค้าภายในเวลาที่คาดหวัง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การวางแผนเส้นทางที่ไม่ดี การไม่มีการวางแผนเส้นทางการส่ง การจราจรติดขัด และอุบัติเหตุทางรถยนต์ 

เมื่อไม่มีการมองเห็นยานพาหนะและสถานะของมัน ธุรกิจหรือผู้จัดการยานพาหนะไม่สามารถเห็นได้ว่ายานพาหนะอยู่ที่ไหนหรือจะใช้เวลานานแค่ไหนในการส่งสินค้าให้เสร็จ ซึ่งหมายความว่าการกำหนดวันที่และเวลาจะไม่อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่แม่นยำ 

เมื่อไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง ธุรกิจไม่สามารถแจ้งลูกค้าเกี่ยวกับความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเพิ่มความไม่พอใจและความผิดหวังในบริการของลูกค้า 

แย่กว่านั้น การเพิ่มขึ้นของการส่งสินค้าล่าช้าจะนำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการส่งสินค้าที่สูงขึ้น เพราะใช้เชื้อเพลิงมากขึ้นสำหรับการส่งสินค้าที่ไม่สำเร็จ หรือต้องลดอัตราค่าบริการส่งเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า

4. ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าที่สูงขึ้น

ความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น การวางแผนเส้นทางที่ไม่ดี การส่งสินค้าที่ล้มเหลว การจราจรติดขัด และค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การขนส่งสินค้ามีค่าใช้จ่ายสูงเนื่องจากเชื้อเพลิงที่ใช้เมื่อต้องเดินทางไปยังที่อยู่การส่งหลายแห่ง 

หากค่าใช้จ่ายเหล่านี้สูงอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้กำไรลดลงอย่างมากจากการใช้ยานพาหนะบรรทุกส่งของ

ค่าใช้จ่ายในขั้นตอนการขนส่งสินค้า มีอะไรบ้าง?

การมีระบบจัดการขนส่งสินค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพส่งผลกระทบต่อต้นทุนธุรกิจของคุณอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากการขนส่งสินค้าระยะสุดท้ายเป็นขั้นตอนที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่สุด

ลองมาดูการแบ่งค่าใช้จ่ายใน 3 ขั้นตอนการส่งสินค้า

การขนส่งสินค้าระยะแรก:

ค่าใช้จ่าย: 12%-20% ของค่าใช้จ่ายการขนส่งทั้งหมด

ในขั้นตอนเริ่มต้นนี้ ค่าใช้จ่ายการขนส่งสินค้ามาจากการขนส่งวัตถุดิบไปยังการผลิตหรือการเก็บรักษา ค่าใช้จ่ายเหล่านี้รวมถึง:

  • ค่าใช้จ่ายการขนส่ง
  • กระบวนการรับสินค้าในคลังสินค้า
  • การตรวจสอบคุณภาพและการบรรจุภัณฑ์
  • เอกสารและการทำบัญชี

การขนส่งสินค้าระยะกลาง:

ค่าใช้จ่าย: 25%-35% ของค่าใช้จ่ายการส่งสินค้าทั้งหมด

ในขั้นตอนที่สองนี้ ค่าใช้จ่ายการส่งสินค้ามาจากการขนส่งจากการผลิตหรือการเก็บรักษาไปยังศูนย์กระจายสินค้า ค่าใช้จ่ายเหล่านี้รวมถึง:

  • ค่าใช้จ่ายการขนส่งและการกระจายสินค้า
  • ค่าใช้จ่ายการเก็บรักษา
  • การวางแผนเส้นทางให้มีประสิทธิภาพ

การขนส่งสินค้าระยะสุดท้าย:

ค่าใช้จ่าย: 41%-53% ของค่าใช้จ่ายการส่งสินค้าทั้งหมด

ในขั้นตอนที่สามและสุดท้ายนี้ ค่าใช้จ่ายการส่งสินค้ามาจากการขนส่งไปยังลูกค้าหรือผู้รับปลายทางของพวกเขา ซึ่งรวมถึงค่าจ้างคนขับ ค่าบำรุงรักษายานพาหนะ และการวางแผนเส้นทาง

  • ค่าจ้างคนขับ
  • ค่าเชื้อเพลิง
  • ค่าบำรุงรักษายานพาหนะ
  • การวางแผนเส้นทางให้มีประสิทธิภาพ

ประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้า สำคัญอย่างไร?

ประสบการณ์ของลูกค้าเป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญที่สุดของการขนส่งสินค้าระยะสุดท้าย เพราะความพึงพอใจของลูกค้าจะเพิ่มโอกาสการรักษาลูกค้าให้จ่ายเงินให้กับธุรกิจได้ 

การรักษาลูกค้าให้มีความสุขไม่ใช่แค่การให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับความรู้สึกที่ธุรกิจทำให้พวกเขารู้สึก ซึ่งความรู้สึกนี้จะคงอยู่กับพวกเขาและมีผลกระทบระยะยาวต่อธุรกิจและชื่อเสียงของมัน

ประสบการณ์ของลูกค้าในทางบวกช่วยให้คุณไม่เพียงแค่รักษาลูกค้าไว้ได้เท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการสนับสนุนแบรนด์ด้วย 

จากข้อมูลสถิติโดยแพลตฟอร์มสื่อสารกับลูกค้า HelpScout เผยว่า การเพิ่มอัตราการรักษาลูกค้าเพียง 5% สามารถเพิ่มกำไรของคุณได้ถึง 95% โดย 93% ของลูกค้ามีแนวโน้มที่จะใช้บริการธุรกิจอีกครั้งหากพวกเขาได้รับบริการที่ดี

และในยุคดิจิทัลปัจจุบันที่ผู้คนสามารถค้นหาความคิดเห็นเกี่ยวกับธุรกิจของคุณได้อย่างง่ายดาย จึงมีผลกระทบอย่างมากว่าพวกเขาจะทำธุรกิจกับคุณหรือไม่ การศึกษาจากแพลตฟอร์มสร้างการรีวิว TrustMary ชี้ให้เห็นว่า 94% ของผู้บริโภคหลีกเลี่ยงบริษัทที่เจอความคิดเห็นเชิงลบ 

ระบบจัดการขนส่งที่ดีเพิ่มความพึงพอใจได้

จัดการงานขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพด้วย Cartrack

Cartrack Delivery เป็นระบบสั่งงานขนส่งสินค้า ที่ออกแบบมาเพื่อทำให้การดำเนินงานการขนส่งสินค้าของธุรกิจและคนขับเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพ 

6 วิธีที่ Cartrack Delivery ช่วยปรับปรุงการขนส่งสินค้าของธุรกิจคุณได้

1. ขจัดงานเอกสารที่ไม่จำเป็น

คุณสามารถกรอกข้อมูลงานและมอบหมายให้คนขับพร้อมคำแนะนำพิเศษผ่านระบบสั่งงานขนส่งสินค้า หรือการตั้งค่ารายงานบริการลูกค้า ทุกอย่างสามารถรวมอยู่ในบันทึกงานเพื่อให้คนขับไม่พลาดขั้นตอนใดๆ 

ทั้งหมดนี้สามารถบันทึกลงในอุปกรณ์มือถือของคนขับ และผู้จัดการจะได้รับการแจ้งเตือนทันทีเมื่อการส่งสินค้าเสร็จสิ้น

2. มองเห็นคนขับและการเดินทางทั้งหมด

มีระบบสั่งงานขนส่งสินค้าที่บันทึกมุมมองแบบเรียลไทม์ของการขนส่งสินค้าทั้งหมดที่ต้องทำ พร้อมกับการส่งสินค้าที่กำลังดำเนินการอยู่ 

ดูได้อย่างรวดเร็วว่าคนขับคนไหนที่ว่างด้วยการดูสถานะของพวกเขา ซึ่งจะแสดงว่าพวกเขาออนไลน์พร้อมรับงานอยู่หรือต้องพักเบรกหรือไม่ 

สิ่งนี้ช่วยให้คุณไม่เพียงแค่ติดตามคนขับ แต่ยังสามารถประมาณเวลาที่พวกเขาจะส่งสินค้าเสร็จสิ้นได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้คุณสามารถวางแผนการส่งสินค้าในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ทำงานได้ต่อเนื่องแม้อยู่ในโหมดออฟไลน์

ระบบสั่งงานขนส่งสินค้า Delivery ติดตามการขนส่งสินค้าได้ แม้จะอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณหรือโหมดออฟไลน์ เพราะเมื่อเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้อีกครั้ง ข้อมูลการส่งสินค้าทั้งหมดจะอัปเดตหรืออัปโหลดโดยอัตโนมัติ ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่มีความคืบหน้าของงานที่สูญหาย

4. แจ้งเตือนงานแบบเรียลไทม์ถึงคนขับของธุรกิจ

การขนส่งเปลี่ยนแปลง หรือมีงานขนส่งใหม่ ระบบสั่งงานขนส่งสินค้า Delivery จะส่งต่อหรืออัปเดตข้อมูลถึงคนขับของคุณได้เลย ไม่ต้องรอ

เวลาตอบสนองที่รวดเร็วนี้ช่วยให้คนขับของคุณทราบการเปลี่ยนแปลงทันที รักษาให้พวกเขาอยู่ในเส้นทางกับงานทั้งหมดและลดความน่ารำคาญหรือการรบกวนการทำงานได้อย่างดี

5. เพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางการส่งสินค้าของธุรกิจ

ลดความล่าช้าในการเดินทางและการใช้เชื้อเพลิงที่ไม่จำเป็นด้วยฟีเจอร์การเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางของระบบสั่งงานขนส่งสินค้า Delivery โดยการวิเคราะห์ระยะทางและเวลาการเดินทาง 

ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจและคนขับของธุรกิจระบุเส้นทางที่สั้นลงและปราศจากอุปสรรคบนท้องถนน เช่น รถติด ถนนกำลังซ่อม ช่วยให้คนขับตัดสินใจการเปลี่ยนเส้นทางที่ดีที่สุดได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดความล่าช้า โดยไม่คาดคิด ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถทำการส่งสินค้าตรงเวลาได้มากขึ้น ลูกค้าพึงพอใจธุรกิจมากขึ้น

6. ดูแลลูกค้าให้วางใจธุรกิจได้ ด้วยข้อมูลอัปเดต

อย่าปล่อยให้ลูกค้าของคุณไม่มีข้อมูลสำคัญเรื่องการขนส่งและสินค้าของพวกเขา ระบบสั่งงานขนส่งสินค้า Delivery แจ้งลูกค้าได้ทันที เมื่อคนขับเริ่มการส่งสินค้าของพวกเขาผ่านทางอีเมล 

ช่วยให้พวกเขารู้ว่าพัสดุของพวกเขาอยู่ที่ไหนคาดเดาและประมาณเวลาขนส่งได้ เหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าวางใจเลือกใช้ธุรกิจของคุณมากขึ้น

ขนส่งรวดเร็วและลดต้นทุนการขนส่งในคราวเดียวตั้งแต่ตอนนี้

ไม่ว่าธุรกิจคุณกำลังมองหาระบบที่ช่วยวางแผนเส้นทางการขนส่ง ทั้งขนส่งประจำและขนส่งใหม่ ลดงานเอกสารกระดาษที่กระจัดกระจายรวบรวมยาก หรือต้องการเห็นภาพรวมการขนส่งทั้งหมดที่ธุรกิจจัดการอยู่ ระบบสั่งงานขนส่งสินค้า Delivery ของ Cartrack ทำได้ตอบโจทย์ทั้งหมดที่ธุรกิจต้องการใช้งาน ธุรกิจคุณสามารถนึกถึงและวางใจ Cartrack ให้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของงานขนส่งและคนขับรถได้

หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องระบบ และขอรับปรึกษาเจ้าหน้าที่ฟรี 10 นาที โทรได้ที่เบอร์ 021362920, 021362921 ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลาทำการ 

หรือคลิกทักไลน์ที่นี่เพื่อแจ้งชื่อ จำนวนรถที่ต้องการติดตั้ง และหมายเลขติดต่อกลับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด

หากธุรกิจของคุณจัดการขนส่งที่เรียกว่า Last Mile Delivery อยู่หรือไม่? คุณจะจัดการให้มีระบบชัดเจนและลดต้นทุนและเก็บกำไรเพิ่มมากขึ้นได้อย่างไร?