มาเข้าใจ GPS นำทาง แบบเจาะลึกว่ามันคืออะไร ทำงานอย่างไร และมีคุณสมบัติที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตให้คุณได้อย่างไรบ้าง บอกได้เลยว่าเป็นคำตอบที่คุณคาดไม่ถึงแน่นอนว่า GPS สามารถทำอะไรได้มากมายเพียงนี้
เมื่ออ่านบทความนี้จบคุณจะรู้ว่า GPS นำทาง สามารถนำมาใช้เป็น GPS ติดตามรถ ได้หรือไม่ ทำไมระบบจีพีเอสทั้ง 2 รูปแบบจึงต้องแยกกัน หากพร้อมแล้วมาติดตามความรู้ดี ๆ ไปกับ CARTRACK ผู้นำด้านระบบการจัดการยานพาหนะและ GPS ติดรถกันเลย
GPS นำทาง คือ เป็นอุปกรณ์นำทางที่มีความสามารถในการรับสัญญาณข้อมูลจากดาวเทียม และประมวลผลเพื่อแสดงพิกัดทางภูมิศาสตร์ ถึงตำแหน่งที่ตั้ง ของอุปกรณ์ GPS นั้น ๆ ปัจจุบันนิยมใช้ทั้งในอุปกรณ์มือถือสมาร์ทโฟน หรือแม้กระทั่งรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้าที่มีการเสริมในส่วนของระบบนำทางเข้าไป
การทำงานของระบบ GPS นำทางจะระบุตำแหน่ง หรือเส้นทางโดยการยิงสัญญาณจากดาวเทียม ถ้าหากระบบ GPS นำทางตรวจจับสัญญาณดาวเทียมได้ตั้งแต่ 5 ดวงขึ้นไป ระบบก็จะเริ่มทำงาน โดยแสดงผลที่หน้าจอทีวี/วิทยุ หรือ Navigation Portable เพื่อแสดงโหมดให้เลือกสถานที่ที่จะเดินทาง หรือแสดงตำแหน่งของรถที่อยู่ในสถานที่ขณะนั้น ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าระบบ เลือกสถานที่ หรือชื่อถนนตามที่ต้องการ
แต่หากผู้ใช้เกิดออกจากเส้นทางที่คำนวณไว้เกินกว่ากำหนดโปรแกรมจะทำการคำนวณระยะทางให้ใหม่ตามอัตโนมัติ
นอกจากนี้ในการคำนวณระยะทางของโปรแกรมยังสามารถที่จะคำนวณจุดแวะพักต่าง ๆ ในการเดินทางได้หลายจุด ซึ่งผู้ใช้สามารถที่จะกำหนดเส้นทางให้สอดคล้องกับการเดินทางมากที่สุด หรืออาจทำการหลอกเครื่องเพื่อให้นำทางไปยังเส้นทางที่ต้องการเดินทางแทนการคำนวณของเครื่องมือได้
บางโปรแกรมอาจมีการคำนวณให้ระยะทางและเวลาเพิ่มขึ้น หรือ ลดลง โดยใช้เส้นทางที่หลีกเลี่ยงแบบต่าง ๆ เช่น เส้นทางเลี่ยงเมือง เลี่ยงทางด่วน หรือเลี่ยงทางกลับรถ เป็นต้น
ประเภทของ GPS นำทางมีหลากหลายชนิด ดังต่อไปนี้
นิยมใช้ในกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การเล่นกีฬา เดินป่า หรือปั่นจักรยาน หน้าจอแสดงผลของ GPS นำทางแบบพกพา ถูกออกแบบมาให้มีขนาดจอภาพที่เล็ก บางรุ่นถูกออกแบบมาให้มีหน้าจอแสดงผลแบบคริสตัลเหลว เพื่อใช้งานในสถานที่ที่แสงสว่างอาจจะไม่มากพอ รวมไปถึงความทนทานและสามารถกันน้ำได้
นอกจากนี้ GPS นำทางแบบพกพายังถูกออกแบบให้สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้และประหยัดพลังงานสูงสุดเพื่อสะดวกต่อการใช้ในกิจกรรมที่ห่างไกลจากแหล่งไฟฟ้า
หรือยานพาหนะต่าง ๆ จะมีแบตเตอรี่ภายในที่สามารถชาร์จเพื่อนำกลับมาใช้งานได้ใหม่ ซึ่งแบตเตอรี่อาจจะใช้งานได้ 1-2 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง แต่ก็จะมีบางรุ่นที่ใช้พลังงานจากระบบไฟฟ้าในรถยนต์
ในปัจจุบันตัวเครื่องมีอุปกรณ์ทุกอย่างในตัว สะดวกสำหรับการใช้งานและมีความเสถียรสูง เช่น PND (Personal/Portable Navigation Device) หรือแบบที่ใช้ GPS Receiver ร่วมกับ PDA (Personal Digital Assistant) สมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ค เป็นต้น หรือในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ก็จะมี GPS มาให้เลือกใช้หลายรุ่น ทำให้สะดวกเมื่อต้องการใช้งานในสถานการณ์ที่เกิดหลงทางหรือค้นหาสถนที่ต่าง ๆ ที่ต้องการ ซึ่งมีส่วนประกอบคร่าว ๆ ดังนี้
นอกจากอุปกรณ์หลักที่กล่าวมาข้างต้นยังมีอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ อีก เช่น เสารับสัญญาณแบบภายนอกแบบติดเฉพาะเครื่องต่อเครื่อง หรือตัวกระจายสัญญาณ (GPS Radiator) เพื่อให้สามารถใช้ GPS ในที่อับสัญญาณได้ เช่น รถยนต์ที่ติดฟิล์มเคลือบปรอท หรือภายในอาคารต่าง ๆ
วิธีการใช้งาน GPS นำทางสิ่งแรกที่ผู้ใช้จะต้องมี คือ เครื่องรับสัญญาณ หรือ อุปกรณ์ GPS นำทาง โดยเมื่อคุณนำเอาเครื่องไปใช้งานแล้วเปิดรับสัญญาณ GPS โปรแกรมจะแสดงตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบันบนแผนที่
สำหรับ GPS นำทางจะมีแผนที่พิเศษที่มีการกำหนดทิศทางการจราจร เช่น การจราจรแบบชิดซ้ายหรือชิดขวา ข้อมูลการเดินรถทางเดียว จุดสำคัญต่าง ๆ ข้อมูลสภาพการจราจร และข้อมูลทางภูมิศาสตร์ ฝังไว้ในข้อมูลแผนที่ โดยทำการสำรวจและตั้งค่าไว้เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งในแต่ละทางแยกก็จะมีการกำหนดค่าไว้เช่นกัน เพื่อให้ตัวโปรแกรมเชื่อมต่อกับเส้นทางจนถึงจุดหมายที่เลือกไว้ นอกจากนี้ยังมีระบบเสียงนำทางที่ทำงานควบคู่ไปกับระบบนำทางของ GPS เช่น ถ้าเส้นทางข้างหน้าจะต้องทำการเลี้ยวขวาก็จะกำหนดให้มีการแสดงเสียงเตือนให้เลี้ยวขวาก่อนถึงจุดเลี้ยวนั้น ๆ
นอกจากผู้ใช้จะมีเครื่องรับสัญญาณ GPS และ GPS หน่วยประมวลผล โปรแกรมแผนที่และข้อมูลแผนที่จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป การรับสัญญาณจากดาวเทียมจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ต่างจากการใช้งานในรูปแบบที่ใช้ประกอบกับแผนที่จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของแผนที่ที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งความแตกต่างนี้ขึ้นอยู่กับบริษัทที่จัดทำแผนที่
การสร้างแผนที่นำทางจำเป็นต้องมีข้อมูลทางภูมิศาสตร์ โดยการสำรวจพื้นที่จะต้องใช้บุคลากรจำนวนมาก และจำเป็นต้องทำเป็นประจำบ่อย ๆ เนื่องจากสภาพทางภูมิศาสตร์มักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การสร้างแผนที่นำทางมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง
ในการสร้างแผนที่นำทาง เริ่มจากการที่ใช้ภาพถ่ายทางอากาศจากดาวเทียมมาต่อซ้อนกัน เพื่อให้เห็นภาพรวมของภูมิประเทศ แล้วจึงจะนำไปกำหนดจุดอ้างอิงทางภูมิศาสตร์ เป็นค่าพิกัดดาวเทียม จากนั้นจึงเริ่มการสร้างข้อมูลต่าง ๆ เช่น ถนน สถานที่สำคัญ จุดน่าสนใจ แล้วนำมาประกอบกันเป็นแผนที่นำทาง
โดยแผนที่ที่ใช้ในระบบนำทางและแผนที่ที่ใช้ในระบบ GPS ติดตาม จะมีองค์ประกอบในลักษณะเดียวกัน
ความสามารถของเครื่อง GPS นำทางสำหรับรถยนต์ หรือ In-dash GPS Navigator มีมากมาย นอกจากการนำเครื่อง GPS ไปติดตั้งในรถยนต์ เพื่อบอกเส้นทางให้กับผู้ขับขี่แล้ว ระบบนี้ยังความสามารถในการทำงานและฟังก์ชันต่าง ๆ มากมาย
โดยคุณสามารถนำฟังก์ชันเหล่านี้ไปเป็นแนวทางในทางเลือกซื้อ GPS นำทางติดรถยนต์ได้ด้วย ดังนี้
ขนาดจอที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามท้องตลาด เช่น 4.3 , 5.0, 6.0, 7.0 เป็นต้น ซึ่งเรื่องหน้าจอถือว่าสำคัญมากสำหรับ GPS นำทางของรถยนต์ เพราะต้องขับไปและดูแผนที่ไป ดังนั้นในการเลือกซื้อก็ควรจะเลือกซื้อรุ่นที่มีจอขนาดใหญ่พอเหมาะ สามารถมองเห็นได้ชัดเจนสะดวกเมื่อติดตั้งกับตัวรถแล้ว
อีกสิ่งที่ควรดู คือ ความละเอียดของพิกเซล ยิ่งจอภาพมีความละเอียดสูงการแสดงภาพกราฟิกของแผนที่ก็จะดูง่ายและสวยงามด้วย ซึ่งในเวลาที่ใช้งานจริงผู้ใช้จะเห็นข้อมูลและคำอธิบายต่าง ๆ อย่างชื่อถนน ตรอก ซอย สถานที่ต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้นอีกด้วย
ความสามารถนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้และจำเป็นต้องมีทุกเครื่องสำหรับ GPS นำทางติดรถยนต์ เพียงคุณป้อนจุดหมายปลายทางให้ระบบ อาจจะเป็นการพิมพ์ข้อความหรือเลือกกดจากจุดตำแหน่งในแผนที่ก็ได้
จุดหมายปลายทางที่ป้อนอาจเป็นชื่อสถานที่ ถนน สถานที่ราชการ ห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน ธนาคาร โรงแรม หรืออื่น ๆ ตามที่ฐานข้อมูลของแผนที่มีข้อมูลอยู่ หลังจากนั้นระบบจะทำการหาพิกัดตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันผ่าน GPS แล้วก็จะคำนวณหาเส้นทางที่ดีที่สุดมาให้ ซึ่งอาจจะให้มากกว่าหนึ่งเส้นทาง
พร้อมทั้งมีการรายงานสภาพการจราจรแบบ Real-Time และให้คำแนะนำแก่ผู้ขับขี่ให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง เมื่อผู้ใช้ตัดสินใจเลือกเส้นทางแล้ว ระบบนำทางก็จะเริ่มทำงานบอกเส้นทางบนจอแสดงผล จะมีเสียงบอกให้ผู้ใช้เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา หรือขับตรงไปในระยะทางเท่าไร บางรุ่นมาพร้อมกับตัวเลขบอกระยะทางเป็นกิโลเมตรที่วิ่งไปแล้วและบอกระยะที่เหลือก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง
โดยทั่วไปเมื่อเราซื้อ GPS นำทางเราจะได้รับข้อมูลพิกัดสถานที่ต่าง ๆ ในแผนที่ครบทุกจังหวัดในประเทศอยู่แล้ว หรือนิยมเรียกกันว่า จุดสนใจ POI (Point of Interest) เช่น ร้านอาหาร โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ เป็นต้น ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการเลือกสถานที่ที่จะไป
หากเป็นเครื่องนำทางที่ได้มาตรฐานจะมี POI ให้มากมายครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังควรสอบถามผู้ให้บริการว่ามีการอัปเดตข้อมูลแผนที่ให้ไหมหลังจากติดตั้ง เพราะหากได้ข้อมูลแผนที่ที่ไม่ละเอียด ก็ไม่แนะนำให้ติดตั้ง
นอกจากการสอบถามกับพนักงานก่อนซื้อแล้ว ควรดูรีวิวเครื่อง GPS นำทางว่าตรงกับความต้องการของผู้ใช้หรือไม่ ทำให้เราจะได้เครื่อง GPS นำทางที่พร้อมใช้งานได้ทันที
นอกจากเครื่องนำทางแล้ว GPS นำทางในรถยนต์มักจะมาพร้อมกับกล้องบันทึกวิดีโอมาด้วยในตัว หมายความว่า ทุกเส้นทางที่ผู้ใช้ขับผ่านจะถูกบันทึกวิดีโอไว้ทั้งหมด ซึ่งทำหน้าที่เดียวกับกล้องติดหน้ารถที่เหมือนจะเป็นสิ่งจำเป็นของผู้ใช้รถใช้ถนนในสังคมปัจจุบัน
GPS นำทาง ไม่ได้เป็นแค่เครื่องนำทางติดรถยนต์เพียงอย่างเดียว นอกจากจะมีกล้องติดหน้ารถแล้ว ยังสามารถใช้เล่นสื่อบันเทิงได้อีกด้วย เช่น เล่นเพลง MP4 เล่นไฟล์วิดีโอ อ่านไฟล์รูปภาพได้ เป็นต้น
นั่นหมายความว่า เมื่อไม่ได้ใช้เครื่อง GPS เพื่อนำทาง เราก็สามารถใช้มันเพื่อฟังเพลงระหว่างขับขี่ได้
ปัจจุบัน GPS นำทางมีการพัฒนาให้ตรงกับความต้องไปอีกขั้น ด้วยการนำระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่างแท็บเล็ต Android เข้ามาใช้ในระบบเครื่อง GPS นำทางสำหรับรถยนต์ ซึ่งการใช้งานโดยรวมไม่ได้แตกต่างจากระบบเก่าเท่าใดนัก แต่โดดเด่นที่เสถียรภาพของระบบที่น่าเชื่อถือกว่าเก่า
อีกทั้งคนส่วนก็คุ้นเคยกับระบบการใช้งานแบบ Android กันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเปิดคู่มือหรือเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมมากนักในการใช้งาน เพียงแต่ระบบนำทางจะอยู่ในรูปแบบของแอปพลิเคชันหนึ่งของเครื่องเท่านั้นเอง
นอกจากนั้นยังสามารถติดตั้งแอปพลิเคชันอื่น ๆ จาก Play Store ได้ นั่นหมายความว่า เราสามารถติดตั้งเกม แอปดูหนัง ฟังเพลง หรือดู Youtube ได้หมดทุกอย่างเหมือนกับดูบนมือถือหรือแท๊บเลต Android ที่เราใช้กันทั่วไป
อย่างไรก็ตามเนื่องจาก GPS นำทางสำหรับรถยนต์ประเภทนี้ ถูกดีไซน์มาเพื่อเป็นอุปกรณ์สำหรับบอกเส้นทาง ดังนั้น ฟังก์ชันของเครื่องจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับโทรศัพท์มือถือที่เราใช้อยู่ได้
การที่เราจะนำไปลงแอปพลิเคชันอื่น นอกเหนือจากการนำทางดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกต้องเท่าไรนัก เพราะเป็นการใช้ทรัพยากรของเครื่องที่เกินจุดมุ่งหมาย ยิ่งถ้าเป็นแอปที่เกี่ยวกับเกมแล้วอาจจะทำให้หน่วยความจำของเครื่องเต็มและเกิดปัญหาอื่นตามมา
ปัจจุบันบนท้องถนนที่หนาแน่น ผนวกกับเส้นทางที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การนำอุปกรณ์เครื่องมือที่เรียกว่า GPS นำทาง ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญและมีความรู้ในเรื่องของการใช้ GPS นำทางพอสมควรแล้ว
ระบบมีการเชื่อมโยงข้อมูลการจราจรในรูปแบบของดิจิตอล เช่น รถแท็กซี่มีการนำ GPS นำทางมาติดตั้ง เพื่อช่วยในการคำนวณเส้นทางและระยะทางในการเดินรถ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรหนาแน่น หรือ รถยนต์ส่วนบุคคลที่จะใช้ GPS นำทางในการคำนวณหาจุดแวะ จุดท่องเที่ยว สถานที่ต่าง ๆ ที่สนใจ เช่น ร้านอาหาร ที่พัก แหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น
นอกจากนี้นักเดินทางก็มักจะพกอุปกรณ์ GPS นำทางในรูปแบบ PND หรือสมาร์ทโฟนที่ลงแอปพลิเคชันสำหรับการนำทาง เช่น Google Maps แทนการกางสมุดแผนที่เหมือนในอดีต
ระบบ GPS นำทางสามารถค้นหาถึงระดับบ้านเลขที่หรือเบอร์โทรศัพท์ เพื่อนำไปสู่จุดหมายได้อย่างถูกต้อง และนอกจากฟังก์ชันการนำทางพื้นฐานแล้ว ยังมีการเตือนเกี่ยวกับทางโค้ง ด่านเก็บเงิน จุดที่มักจะมีการตรวจจับความเร็ว ตำแหน่งกล้องตรวจจับการฝ่าฝืนกฎจราจร การกำหนดความเร็วของถนนแต่ละสาย ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวพร้อมรายละเอียด ภาพประกอบ ข้อมูลร้านอาหารอร่อย ภาพเสมือนจริง ข้อมูลจราจร TMC อีกด้วย
ผู้ใช้หลาย ๆ คนอาจเคยประสบปัญหา GPS นำทางผิดพลาดไม่พาคุณไปยังจุดหมายปลายทางที่ค้นหาไว้ หรือทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าแท้จริงแล้วเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ระบบเกิดข้อผิดพลาดมีทั้งหมด 4 ปัจจัย ดังต่อไปนี้
เนื่องจากการรับ-ส่งสัญญาณ ข้อมูลจะรับส่งผ่านสัญญาณวิทยุ ดังนั้นหากสภาพอากาศไม่ดี อยู่ในที่อับสัญญาณ เช่น เมืองที่รายล้อมไปด้วยตึกสูง ใต้ทางด่วน โทลเวย์ ลานจอดรถชั้นใต้ดิน ฯลฯ ตำแหน่งที่รับมาแปลค่าอาจจะผิดไปจากตำแหน่งจริงหลายเมตร ทำให้ตำแหน่งปัจจุบันผิดไป ซึ่งทำให้การนำทางผิดเส้นทาง
หมายถึง แอปพลิเคชันที่เขียนมีความเก่งกาจมากเพียงใดในการระบุตำแหน่ง โดยการใช้งานระบบนำทาง ผู้ใช้งานต้องตั้งค่าการใช้งานให้ชัดเจน เช่น ตั้งให้ค้นหาเส้นทางที่รถยนต์สามารถผ่านได้ เนื่องจากในระบบนำทางควรจะมีเส้นทางที่สามารถสัญจรได้ทุกเส้นทาง ทั้งคนเดินได้ รถจักรยานยนต์ผ่านได้ และรถยนต์ผ่านได้
การตั้งค่านอกจากการระบุเส้นทางการใช้งานแล้ว ยังมีการตั้งค่าให้ไปถึงจุดหมายปลายทางด้วยระยะทางที่สั้นที่สุด ซึ่งบางครั้งรถยนต์อาจจะไปได้แต่ไม่สะดวกเท่าที่ควร เนื่องจากเป็นเส้นที่แคบ จึงควรตั้งค่าการเดินทางให้รถยนต์สามารถวิ่งผ่านได้และเป็นระยะทางที่เร็วมากที่สุด
แผนที่ของระบบ GPS ควรมีการอัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบันมากที่สุดและควรมีข้อมูลละเอียด โดยระบุให้แน่ชัดว่าเส้นทางนี้สำหรับคนเดิน เส้นทางนี้สำหรับรถเล็กวิ่งผ่าน หรือเส้นทางนี้สำหรับรถใหญ่วิ่งผ่าน ซึ่งการอัปเดตข้อมูลแผนที่ทางบริษัทที่จำหน่ายอุปกรณ์ GPS นำทาง จะแจ้งผู้ใช้งานที่ซื้ออุปกรณ์ไปทำการอัปเดตแผนที่อยู่เสมอทุก ๆ 6 เดือน
แต่เนื่องจากแผนที่ของผู้ให้บริการแต่ละบริษัทมีความแตกต่างกัน ทั้งด้านคุณภาพและความถูกต้อง ผู้ใช้จึงควรศึกษาข้อมูลเลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ และมีชื่อเสียงในการทำแผนที่ในตลาดด้วย
คนที่ใช้ระบบนำทางควรที่จะมีวิจารณญาณพิจารณาว่าเส้นทางนั้นสามารถเดินทางไปได้หรือไม่ เนื่องจากปัจจัยทั้ง 3 ในข้างต้นสามารถก่อให้เกิดความผิดพลาดได้ตลอดเวลา หากเจอเส้นทางที่พิจารณาแล้วว่าไม่สามารถที่จะทำการเดินทางต่อไปได้ ให้ขับผ่านเลยเส้นทางนั้นไปแล้วระบบจะทำการคำนวณเส้นทางให้ใหม่อัตโนมัติ
การพัฒนาของเทคโนโลยี GPS นำทาง ในปัจจุบันทั้งแบบที่ใช้กับสมาร์ทโฟน หรือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ติดตั้งมากับตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ เป็นที่รู้กันว่าการใช้ GPS นำทาง นั้นต้องทำอย่างไร แต่ข้อมูลนี้จะเป็นข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ได้เข้าถึงระบบของ GPS นำทาง ได้ง่ายขึ้น
อันดับแรกผู้ใช้ควรที่จะศึกษาข้อมูลว่าโปรแกรม GPS ของคุณใช้ของอะไร เป็น Software ของบริษัทไหน มีความน่าเชื่อถือและการคำนวณที่แม่นยำมากแค่ไหน โดยทดสอบด้วยวิธีการใส่ข้อมูลของเส้นทางที่คุณรู้อยู่แล้วและตรวจสอบว่าระบบคำนวณเส้นทางถูกหรือไม่
นอกจากนี้ควรศึกษาโหมดและฟังก์ชันต่าง ๆ ของโปรแกรมก่อนใช้งานจริง เนื่องจากบางยี่ห้อหรือบางรุ่นอาจจะใช้ยากเกินไป อีกทั้งต้องมีการตั้งค่าระบบด้วย
โดยการใช้งานของระบบนำทางนี้จะมีให้คุณเลือกได้ด้วยว่าจะเลือกใช้เส้นทางใด เช่น ทางด่วน ทางลัด ซึ่งคุณจะต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมว่าควรเลือกเส้นทางใดถึงจะดีที่สุด เพราะในบางครั้งเส้นทางลัดที่ระบบแนะนำอาจจะมีสภาพถนนที่ไม่ดีหรือเส้นทางที่ปิดไม่สามารถให้รถยนต์วิ่งผ่านก็เป็นได้
การใช้ GPS นำทาง อาจจะรบกวนสมาธิในการขับขี่ยานพาหนะของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงแจ้งเตือนต่าง ๆ และคุณเองก็จะต้องละสายตาจากถนนเพื่อหันไปมองจอแสดงผลอีกด้วย ดังนั้นคุณจึงไม่ควรเปลี่ยนโหมดหรือตั้งค่าต่าง ๆ ในขณะที่กำลังขับขี่ยานพาหนะ
แต่หากต้องทำการเปลี่ยนโหมดหรือตั้งค่าใหม่จริง ๆ อาจจะต้องจอดรถก่อน หรือให้ผู้ที่นั่งมาด้วยทำการปรับเปลี่ยนให้ และช่วยดูเส้นทางบอกระยะต่าง ๆ จะทำให้การขับขี่ยานพาหนะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ระบบ GPS นำทาง ที่คุณใช้บางครั้งอาจไม่ได้ทำการอัปเดตข้อมูล จึงอาจจะทำให้เกิดการคำนวณเส้นทางที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม เช่น เส้นทางตรงนั้นเปลี่ยนเป็นเส้นทางเดินรถทางเดียว ไม่สามารถวิ่งสวนทางกันได้อย่างเก่า เพราะฉะนั้นผู้ใช้ควรจะมองป้ายบอกทางจราจรควบคู่ไปด้วย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้
หรือบางกรณีที่ GPS นำทาง คำนวณระยะทาง ผิดพลาด อาจจะบอกให้คุณเลี้ยวช้าหรือเลี้ยวเร็วเกินไป จะทำให้ต้องเสียเวลาในการคำนวณเส้นทางใหม่ เป็นต้น
ถึงแม้ว่าจะมี GPS ในการนำทางให้ แต่คุณก็ควรที่จะศึกษาเส้นทางก่อนการเดินทางในแต่ละครั้งด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่เคยไปมาก่อน เนื่องจากการคำนวณของระบบอาจจะพาคุณไปในเส้นทางที่ไม่มีจุดแวะพัก หรือปั๊มน้ำมัน
การใช้ GPS นำทาง บางครั้งอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกอย่างภูมิประเทศและอากาศได้ด้วย เช่น ฝนตก เมฆหนา หรือพื้นที่ที่อยู่นอกเหนือการรับสัญญาณ เช่น ในอุโมงค์ หรือใต้ตึกต่าง ๆ รวมไปถึงฟิล์มกรองแสงที่มีสารเคลือบปรอทอาจจะเป็นตัวขัดขวางสัญญาณจากดาวเทียมทำให้ไม่สามารถรับสัญญาณได้
ประโยชน์ของ GPS นำทางมีมากมายเห็นได้อย่างชัดเจน คือ ช่วยให้ผู้ใช้งานประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และช่วยลดระยะเวลาในการเดินทาง เนื่องจากระบบมีการคำนวณเส้นทาง ระยะเวลาในการเดินทางที่สั้นที่สุดไว้เรียบร้อย ทำให้ผู้ใช้สามารถวางแผนการเดินทาง หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น และคำนวณค่าใช้จ่ายการเดินทางได้อย่างสะดวก
แม้ว่า GPS นำทางจะมีคุณสมบัติเฉพาะตัวหลากหลายด้าน แต่คุณไม่สามารถนำ GPS นำทางมาใช้แทน GPS ติดตามรถได้
ทั้งนี้ก็เพราะระบบนำทางจะทำเพียงแจ้งเส้นทางที่สามารถใช้งานได้ แต่จะไม่มีการบันทึกข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงกว่านั้น ต่างจาก GPS ติดตามรถที่สามารถบันทึกข้อมูลพิเศษได้ เช่น ความเร็วที่ผู้ขับขี่ใช้ในแต่ละช่วง พฤติกรรมขณะขับขี่ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น เบรกกะทันหัน คนขับมีอาการเหนื่อยล้า ง่วงนอน เล่นมือถือขณะขับรถ ปริมาณน้ำมันที่ใช้ในการเดินทาง การแอบนำรถไปใช้ส่วนตัวนอกเหนือจากการใช้ทำงาน เป็นต้น
โดยข้อมูลเหล่านี้มาจากการใช้ GPS ติดตามรถ ทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่น เช่น เซนเซอร์น้ำมัน เซนเซอร์ประตู กล้องติดรถระบบ AI เพื่อบันทึกข้อมูลออกมาในรูปแบบฟุตเทจวิดีโอ หรือรายงานตัวเลข
จากข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมดในข้างต้นกล่าวได้ว่า ระบบ GPS นำทางมีประโยชน์ต่อผู้ใช้รถใช้ถนนในสังคมปัจจุบันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหลาย ๆ คนที่ต้องเดินทางไกล หรือต้องใช้เส้นทางที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน ซึ่งการใช้ GPS นำทางจะช่วยเตือนให้ผู้ใช้ทราบถึงลักษณะเส้นทางต่าง ๆ ล่วงหน้า เช่น ทางเลี้ยว ทางโค้ง ทางเบี่ยง เป็นต้น
อีกทั้งยังมีระบบการบอกเส้นทางด้วยเสียง การใช้ระบบสัมผัส (Touch Screen) ที่หน้าจอภาพ และอุปกรณ์บางยี่ห้อสามารถสั่งให้คำนวณเส้นทางได้ด้วยเสียง โดยไม่ต้องกังวลกับการขับขี่ยานพาหนะอีกด้วย
แต่สำหรับใครที่ต้องการ GPS สำหรับใช้ในธุรกิจมีรถ เพื่อติดตามพฤติกรรมคนขับ ปริมาณน้ำมัน ตรวจสอบการทุจริต การขโมยน้ำมัน เป็นต้น GPS ติดตามรถจะเป็นรูปแบบอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์คุณมากกว่า
หากคุณสนใจหรือต้องการข้อมูลการซื้อหรือคำแนะนำการใช้งาน GPS ติดตามรถ ที่เหมาะสมกับรถและธุรกิจของคุณเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น GPS ตรวจสอบน้ำมัน GPS รถบรรทุก หรือรถใช้งานเพื่อธุรกิจ ระบบจีพีเอส CARTRACK ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก โทรหาเราที่หมายเลข 02-136-2920 , 02-136-2921 ติดต่อได้ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.30 น.
หรือกรอกข้อมูลของตนเองผ่านมาทางแบบฟอร์มด้านบน หรือแสดงความประสงค์ต้องการทดลองใช้ฟรี รับเลยโปรโมชันจ่าย 10 เดือน ใช้งานอุปกรณ์ GPS ติดรถต่อเนื่องถึง 12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ติดตาม CARTRACK (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที
GPS นำทาง คืออะไร มีกี่ประเภท มีการนำมาใช้งานกับยานพาหนะอย่างรถยนต์ รถบรรทุกอย่างไร สามารถนำมาใช้แทน GPS ติดตามรถ ได้ไหม ไขข้อข้องใจไปกับ CARTRACK