GPS นำทาง คือ ระบบนำทางที่ปัจจุบันพบมากทั้งในมือถือ PDA หรือแม้กระทั่งในรถยนต์ที่มีการเสริมในส่วนของระบบนำทางเข้าไป เป็นอุปกรณ์ที่มีความสามารถในการรับสัญญาณข้อมูลจากดาวเทียม และประมวลผลเพื่อแสดงพิกัดทางภูมิศาสตร์ ถึงตำแหน่งที่ตั้ง ของอุปกรณ์ GPS นั้น ๆ โดยใช้การคำนวณจากตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งใช้งานร่วมกับ ระบบแผนที่ ในการใช้วิธีจับคู่ตำแหน่งต่าง ๆ ที่อ่านได้จากดาวเทียมกับค่าพิกัดในระบบแผนที่ ทั้งนี้อาจอาศัยตัวเซ็นเซอร์อื่น ๆ เพื่อช่วยในการคำนวณระยะทางที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น ประเภทของ GPS นำทางมีหลากหลายชนิด ดังต่อไปนี้
จะนิยมใช้ในกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การเล่นกีฬา เดินป่า หรือปั่นจักรยาน ซึ่ง GPS นำทางแบบพกพา หน้าจอแสดงผลถูกออกแบบมาให้มีขนาดจอภาพที่เล็ก บางรุ่นถูกออกแบบมาให้มีหน้าจอแสดงผลแบบคริสตัลเหลว เพื่อใช้งานในสถานที่ที่แสงสว่างอาจจะไม่มากพอ รวมไปถึงความทนทานและสามารถกันน้ำได้
นอกจากนี้ GPS นำทางแบบพกพายังถูกออกแบบให้สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้และประหยัดพลังงานสูงสุดเพื่อสะดวกต่อการใช้ในกิจกรรมที่ห่างไกลจากแหล่งไฟฟ้า
หรือยานพาหนะต่าง ๆ จะมีแบตเตอรี่ภายในที่สามารถชาร์จเพื่อนำกลับมาใช้งานได้ใหม่ ซึ่งแบตเตอรี่อาจจะใช้งานได้ 1-2 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง แต่ก็จะมีบางรุ่นที่ใช้พลังงานจากระบบไฟฟ้าในรถยนต์
ในปัจจุบันตัวเครื่องมีอุปกรณ์ทุกอย่างในตัว สะดวกสำหรับการใช้งานและมีความเสถียรสูง เช่น PND (Personal/Portable Navigation Device) หรือแบบที่ใช้ GPS Receiver ร่วมกับ PDA (Personal Digital Assistant) สมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ค เป็นต้น หรือในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ก็จะมี GPS มาให้เลือกใช้หลายรุ่น ทำให้สะดวกเมื่อต้องการใช้งานในสถานการณ์ที่เกิดหลงทางหรือค้นหาสถนที่ต่าง ๆ ที่ต้องการ ซึ่งมีส่วนประกอบคร่าวๆดังนี้
นอกจากอุปกรณ์หลักที่กล่าวมาข้างต้นยังมีอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ อีก เช่น เสารับสัญญาณแบบภายนอกแบบติดเฉพาะเครื่องต่อเครื่อง หรือตัวกระจายสัญญาณ (GPS Radiator) เพื่อให้สามารถใช้ GPS ในที่อับสัญญาณได้ เช่น รถยนต์ที่ติดฟิล์มเคลือบปรอท หรือภายในอาคารต่าง ๆ
การทำงานของระบบ GPS นำทางจะระบุตำแหน่ง หรือเส้นทางโดยการยิงสัญญาณจากดาวเทียม ถ้าหากระบบ GPS นำทางตรวจจับสัญญาณดาวเทียมได้ตั้งแต่ 5 ดวงขึ้นไป ระบบก็จะเริ่มทำงาน โดยแสดงผลที่หน้าจอทีวี/วิทยุ หรือ Navigation Portable เพื่อแสดงโหมดให้เลือกสถานที่ที่จะเดินทาง หรือแสดงตำแหน่งของรถที่อยู่ในสถานที่ขณะนั้น ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าระบบ เลือกสถานที่ หรือชื่อถนนตามที่ต้องการ
วิธีการใช้งาน GPS นำทางสิ่งแรกที่ผู้ใช้จะต้องมี คือ เครื่องรับสัญญาณ หรือ อุปกรณ์ GPS นำทาง โดยเมื่อคุณนำเอาเครื่องไปใช้งานแล้วเปิดรับสัญญาณ GPS โปรแกรมจะแสดงตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบันบนแผนที่
สำหรับ GPS นำทางจะมีแผนที่พิเศษที่มีการกำหนดทิศทางการจราจร เช่น การจราจรแบบชิดซ้ายหรือชิดขวา ข้อมูลการเดินรถทางเดียว จุดสำคัญต่าง ๆ ข้อมูลสภาพการจราจร และข้อมูลทางภูมิศาสตร์ ฝังไว้ในข้อมูลแผนที่ โดยทำการสำรวจและตั้งค่าไว้เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งในแต่ละทางแยกก็จะมีการกำหนดค่าไว้เช่นกัน เพื่อให้ตัวโปรแกรมเชื่อมต่อกับเส้นทางจนถึงจุดหมายที่เลือกไว้ นอกจากนี้ยังมีระบบเสียงนำทางที่ทำงานควบคู่ไปกับระบบนำทางของ GPS เช่น ถ้าเส้นทางข้างหน้าจะต้องทำการเลี้ยวขวาก็จะกำหนดให้มีการแสดงเสียงเตือนให้เลี้ยวขวาก่อนถึงจุดเลี้ยวนั้น ๆ
นอกจากผู้ใช้จะมีเครื่องรับสัญญาณ GPS และ GPS หน่วยประมวลผล โปรแกรมแผนที่และข้อมูลแผนที่จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป การรับสัญญาณจากดาวเทียมจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ต่างจากการใช้งานในรูปแบบที่ใช้ประกอบกับแผนที่จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของแผนที่ที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งความแตกต่างนี้ขึ้นอยู่กับบริษัทที่จัดทำแผนที่
โดยแผนที่นำทางที่ใช้บน GPS มีข้อจำกัด คือ ไม่สามาถนำมาใช้ต่างค่ายได้ อีกทั้งแผนที่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของตัวเครื่องที่ไม่สามารถนำแผนที่จากเครื่องหนึ่งไปใช้กับอีกเครื่องอื่นได้ จะต้องมีการป้อนรหัสที่ทางบริษัทเป็นผู้กำหนดไว้จึงจะสามารถใช้งานได้
การสร้างแผนที่นำทางจำเป็นต้องมีข้อมูลทางภูมิศาสตร์ โดยการสำรวจพื้นที่จะต้องใช้บุคลากรจำนวนมาก และจำเป็นต้องทำเป็นประจำบ่อย ๆ เนื่องจากสภาพทางภูมิศาสตร์มักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การสร้างแผนที่นำทางมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง
ในการสร้างแผนที่นำทางเริ่มจากการที่ใช้ภาพถ่ายทางอากาศจากดาวเทียมมาต่อซ้อนกัน เพื่อให้เห็นภาพรวมของภูมิประเทศ แล้วจึงจะนำไปกำหนดจุดอ้างอิงทางภูมิศาสตร์ เป็นค่าพิกัดดาวเทียม จากนั้นจึงเริ่มการสร้างข้อมูลต่าง ๆ เช่น ถนน สถานที่สำคัญ จุดน่าสนใจ แล้วนำมาประกอบกันเป็นแผนที่นำทาง
ในการใช้ GPS นำทางระบบจะคำนวณเส้นทางและระยะทางให้เสร็จตั้งแต่แรก และตัวโปรแกรมจะแสดงผลภาพและเสียงตามตำแหน่งจริงที่อยู่ ณ จุดนั้น ๆ หากผู้ใช้เกิดออกจากเส้นทางที่กำหนดไว้ จะทำการเตือนให้ทราบและพยายามคำนวณให้ผู้ใช้กลับเข้าไปใช้เส้นทางเดิมที่คำนวณไว้ตั้งแต่แรก แต่หากผู้ใช้เกิดออกจากเส้นทางที่คำนวณไว้เกินกว่ากำหนดโปรแกรมจะทำการคำนวณระยะทางให้ใหม่ตามอัตโนมัติ
นอกจากนี้ในการคำนวณระยะทางของโปรแกรมยังสามารถที่จะคำนวณจุดแวะพักต่าง ๆ ในการเดินทางได้หลายจุด ซึ่งผู้ใช้สามารถที่จะกำหนดเส้นทางให้สอดคล้องกับการเดินทางมากที่สุด หรืออาจทำการหลอกเครื่องเพื่อให้นำทางไปยังเส้นทางที่ต้องการเดินทางแทนการคำนวณของเครื่องมือได้
บางโปรแกรมอาจมีการคำนวณให้ระยะทางและเวลาเพิ่มขึ้น หรือ ลดลง โดยใช้เส้นทางที่หลีกเลี่ยงแบบต่าง ๆ เช่น เส้นทางเลี่ยงเมือง เลี่ยงทางด่วน หรือเลี่ยงทางกลับรถ เป็นต้น
ความสามารถของเครื่อง GPS นำทางมีมากมายและถูกนำไปใช้ในหลากหลายวงการ แต่ดูเหมือนว่าตลาดการใช้งานที่ถูกนำไปใช้มากที่สุด คือ ตลาดรถยนต์โดยการนำเครื่อง GPS นำทาง ไปติดตั้งในรถยนต์เพื่อบอกเส้นทางให้กับผู้ขับขี่ โดยราคาของเครื่องมีตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำงานและฟังก์ชั่นต่าง ๆ และประสิทธิภาพของ Software
ซึ่งคุณสมบัติหลัก ๆ ของ GPS นำทาง ที่พบอยู่โดยทั่วไปเหล่านี้จะทำให้คุณสามารถนำไปเป็นแนวทางในทางเลือกซื้อ GPS นำทาง ติดรถยนต์ มากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าบางคุณสมบัติอาจจะต้องมีการจ่ายในราคาที่สูงขึ้น แต่ก็จะทำให้ประสิทธิภาพในงานใช้งานเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ขนาดจอที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามท้องตลาด เช่น 4.3 , 5.0, 6.0, 7.0 เป็นต้น ซึ่งเรื่องหน้าจอถือว่าสำคัญมากสำหรับ GPS นำทางของรถยนต์ เพราะต้องขับไปและดูแผนที่ไป ดังนั้น ในการเลือกซื้อก็ควรจะเลือกซื้อรุ่นที่มีจอขนาดใหญ่พอเหมาะที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนสะดวกเมื่อติดตั้งกับตัวรถแล้ว
และอีกสิ่งที่ควรดู คือ ความละเอียดของพิกเซล ยิ่งจอภาพมีความละเอียดสูงการแสดงภาพกราฟิกของแผนที่ก็จะดูง่ายและสวยงามด้วย ซึ่งในเวลาที่ใช้งานจริงผู้ใช้จะเห็นข้อมูลและคำอธิบายต่าง ๆ อย่างชื่อถนน ตรอก ซอย สถานที่ต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้นอีกด้วย
ความสามารถนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้และจำเป็นต้องมีทุกเครื่องสำหรับ GPS นำทางติดรถยนต์ เพียงคุณป้อนจุดหมายปลายทางให้ระบบ อาจจะเป็นการพิมพ์ข้อความหรือเลือกกดจากจุดตำแหน่งในแผนที่ก็ได้
จุดหมายปลายทางที่ป้อนอาจเป็นชื่อสถานที่ ถนน สถานที่ราชการ ห้างสรรพสินค้า ปั้มน้ำมัน ธนาคาร โรงแรม หรืออื่น ๆ ตามที่ฐานข้อมูลของแผนที่มีข้อมูลอยู่ หลังจากนั้นระบบจะทำการหาพิกัดตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันผ่าน GPS แล้วก็จะคำนวณหาเส้นทางที่ดีที่สุดมาให้ ซึ่งอาจจะให้มากกว่าหนึ่งเส้นทาง
พร้อมทั้งมีการรายงานสภาพการจราจรแบบ Real-Time และให้คำแนะนำแก่ผู้ขับขี่ให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง เมื่อผู้ใช้ตัดสินใจเลือกเส้นทางแล้ว ระบบนำทางก็จะเริ่มทำงานบอกเส้นทางบนจอแสดงผล จะมีเสียงบอกให้ผู้ใช้เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา หรือขับตรงไปในระยะทางเท่าไร บางรุ่นมาพร้อมกับตัวเลขบอกระยะทางเป็นกิโลเมตรที่วิ่งไปแล้วและบอกระยะที่เหลือก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง
โดยทั่วไปเมื่อเราซื้อ GPS นำทางเราจะได้รับข้อมูลพิกัดสถานที่ต่าง ๆ ในแผนที่ครบทุกจังหวัดในประเทศอยู่แล้ว หรือนิยมเรียกกันว่า จุดสนใจ POI (Point of Interest) เช่น ร้านอาหาร โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ เป็นต้น
ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการเลือกสถานที่ที่จะไป และหากเป็นเครื่องระดับมืออาชีพจะมี POI ให้มากมายครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ นอกจากนั้นผู้ขายยังมีช่องทางให้สามารถอัพเดทฐานข้อมูลพิกัดสถานที่ด้วย นอกจากการอัพเดทข้อมูลแผนที่แล้ว ในบางกรณีที่อาจจะได้ข้อมูลแผนที่ที่ไม่ละเอียดซึ่งเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนซื้อ
มีวิธีป้องกันคือ ควรเลือกซื้อเครื่องจากบริษัทที่มีชื่อเสียง และเพื่อความแน่ใจมากขึ้นอีก ควรดูรีวิวเครื่อง GPS นำทางว่าตรงกับความต้องการของผู้ใช้หรือไม่ ทำให้เราจะได้เครื่อง GPS นำทางที่พร้อมใช้งานได้ทันที
นอกจากเครื่องนำทางแล้ว GPS นำทางในรถยนต์มักจะมาพร้อมกับกล้องบันทึกวีดีโอมาด้วยในตัว หมายความว่า ทุกเส้นทางที่ผู้ใช้ขับผ่านจะถูกบันทึกวีดีโอไว้ทั้งหมด ซึ่งทำหน้าที่เดียวกับกล้องติดหน้ารถที่เหมือนจะเป็นสิ่งจำเป็นของผู้ใช้รถใช้ถนนในสังคมปัจจุบัน
GPS นำทาง ไม่ได้เป็นแค่เครื่องนำทางติดรถยนต์เพียงอย่างเดียว นอกจากจะมีกล้องติดหน้ารถแล้ว ยังสามารถใช้เล่นสื่อบันเทิงได้อีกด้วย เช่น เล่นเพลง MP3 เล่นไฟล์วีดีโอ อ่านไฟล์รูปภาพได้ เป็นต้น นั่นหมายความว่า เมื่อไม่ได้ใช้เครื่อง GPS เพื่อนำทาง เราก็สามารถใช้มันเพื่อฟังเพลงระหว่างขับขี่ได้หรือจะถอดตัวเครื่องเพื่อเอามาดูหนังเหมือนแท๊บเลตทั่วไปก็ได้
ปัจจุบัน GPS นำทางมีการพัฒนาให้ตรงกับความต้องไปอีกขั้น ด้วยการนำระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่างโทรศัพท์มือถือ Android เข้ามาใช้ในระบบเครื่อง GPS นำทางสำหรับรถยนต์ ซึ่งการใช้งานโดยรวมไม่ได้แตกต่างจากระบบเก่าเท่าใดนัก อีกทั้งคนส่วนก็คุ้นเคยกับระบบการใช้งานแบบ Android กันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเปิดคู่มือหรือเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมมากนักในการใช้งาน เพียงแต่ระบบนำทางจะอยู่ในรูปแบบของ Application หนึ่งของเครื่องเท่านั้นเอง
นอกจากนั้นยังสามารถติดตั้ง Application อื่น ๆ จาก Play Store ได้ นั่นหมายความว่า เราสามารถติดตั้งเกมส์ แอพดูหนัง ฟังเพลง หรือดู Youtube ได้หมดทุกอย่างเหมือนกับดูบนมือถือหรือแท๊บเลต Android ที่เราใช้กันทั่วไป อย่างไรก็ตามเนื่องจาก GPS นำทางสำหรับรถยนต์ประเภทนี้ ถูกดีไซน์มาเพื่อเป็นอุปกรณ์สำหรับบอกเส้นทาง
ดังนั้น ฟังก์ชั่นของเครื่องจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับโทรศัพท์มือถือที่เราใช้อยู่ได้ จึงทำให้การที่เราจะนำไปลง Application อื่น นอกเหนือจากการนำทางดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกต้องเท่าไรนัก เพราะเป็นการใช้ทรัพยากรของเครื่องที่เกินจุดมุ่งหมาย ยิ่งถ้าเป็น Applicationที่เกี่ยวกับเกมส์แล้วอาจจะทำให้หน่วยความจำของเครื่องเต็มและเกิดปัญหาอื่นตามมา
ประโยชน์ที่เหมือนจะมีมากกว่าเมื่อนำระบบปฏิบัติการณ์ Android เข้ามาใช้ในเครื่อง GPS นำทางสำหรับรถยนต์ ก็คือ เรื่องเสถียรภาพของระบบ เนื่องจาก Android นั้นถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและยาวนานจึงทำให้ระบบ GPS นำทางประมวลผลอยู่บนระบบที่น่าเชื่อถือกว่าเก่าเท่านั้น
ปัจจุบันบนท้องถนนที่หนาแน่น ผนวกกับเส้นทางที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การนำอุปกรณ์เครื่องมือที่เรียกว่า GPS นำทาง ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญและมีความรู้ในเรื่องของการใช้ GPS นำทางพอสมควร เพราะ GPS นำทางได้มีการนำมาใช้งานในระยะเวลาที่นานพอสมควร
ระบบมีการเชื่อมโยงข้อมูลการจราจรในรูปแบบของดิจิตอล เช่น รถแท็กซี่มีการนำ GPS นำทางมาติดตั้ง เพื่อช่วยในการคำนวณเส้นทางและระยะทางในการเดินรถ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรหนาแน่น หรือ รถยนต์ส่วนบุคคลที่จะใช้ GPS นำทางในการคำนวณหาจุดแวะ จุดท่องเที่ยว สถานที่ต่าง ๆ ที่สนใจ เช่น ร้านอาหาร ที่พัก แหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น
นอกจากนี้นักเดินทางก็มักจะพกอุปกรณ์ GPS นำทางในรูปแบบ PND หรือ Smart Phone ที่ทำการลง Application Software สำหรับการนำทาง เช่น Google Maps แทนการกางสมุดแผนที่เหมือนในอดีต
ระบบ GPS นำทางสามารถค้นหาถึงระดับบ้านเลขที่หรือเบอร์โทรศัพท์ เพื่อนำไปสู่จุดหมายได้อย่างถูกต้อง และนอกจากฟังก์ชั่นการนำทางพื้นฐานแล้วยังมีการเตือนเกี่ยวกับทางโค้ง ด่านเก็บเงิน จุดที่มักจะมีการตรวจจับความเร็ว ตำแหน่งกล้องตรวจจับการฝ่าฝืนกฎจราจร การกำหนดความเร็วของถนนแต่ละสาย ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวพร้อมรายละเอียด ภาพประกอบ ข้อมูลร้านอาหารอร่อย ภาพเสมือนจริง ข้อมูลจราจร TMC อีกด้วย
ผู้ใช้หลาย ๆ คนอาจเคยประสบปัญหา GPS นำทางผิดพลาดไม่พาคุณไปยังจุดหมายปลายทางที่ค้นหาไว้ หรือทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ซึ่ง Google Map คือ Application ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับนักเดินทางใหม่ ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วการใช้ระบบนำทางเราเรียกว่า “Navigator” ส่วน GPS นั้นเป็นเพียงระบบที่ใช้รับ-ส่งสัญญาณ
หลาย ๆ ครั้งเรามักจะพบว่าระบบนำทางเกิดข้อผิดพลาดนำทางไปผิดจุดหมายปลายทาง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าแท้จริงแล้วเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ เกิดจากตัวบุคคล หรือ เกิดจากระบบนำทาง ทั้งนี้จึงมีการค้นหาข้อมูลว่าปัจจัยที่ทำให้ระบบเกิดข้อผิดพลาดมีทั้งหมด 4 ปัจจัย ดังต่อไปนี้
เนื่องจากการรับ-ส่งสัญญาณ ข้อมูลจะรับส่งผ่านสัญญาณวิทยุ ดังนั้น หากสภาพอากาศไม่ดี อยู่ในที่อับสัญญาณ เช่น เมืองที่รายล้อมไปด้วยตึกสูง ใต้ทางด่วน โทลเวย์ ตำแหน่งที่รับมาแปลค่าอาจจะผิดไปจากตำแหน่งจริงหลายเมตร ทำให้ตำแหน่งปัจจุบันผิดไป ซึ่งทำให้การนำทางผิดเส้นทาง
หมายถึง Application ที่เขียนมีความเก่งกาจมากเพียงใดในการระบุตำแหน่ง โดยการใช้งานระบบนำทาง ผู้ใช้งานต้องตั้งค่าการใช้งานให้ชัดเจน เช่น ตั้งให้ค้นหาเส้นทางที่รถยนต์สามารถผ่านได้ เนื่องจากในระบบนำทางควรจะมีเส้นทางที่สามารถสัญจรได้ทุกเส้นทาง ทั้งคนเดินได้ รถจักรยานยนต์ผ่านได้ และรถยนต์ผ่านได้
ซึ่งการตั้งค่านอกจากการระบุเส้นทางการใช้งานแล้ว ยังมีการตั้งค่าให้ไปถึงจุดหมายปลายทางด้วยระยะทางที่สั้นที่สุด ซึ่งบางครั้งรถยนต์อาจจะไปได้แต่ไม่สะดวกเท่าที่ควร เนื่องจากเป็นเส้นที่แคบ จึงควรตั้งค่าการเดินทางให้รถยนต์สามารถวิ่งผ่านได้และเป็นระยะทางที่เร็วมากที่สุด
แผนที่ของระบบควรมีการอัพเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบันมากที่สุดและควรมีข้อมูลละเอียด โดยระบุให้แน่ชัดว่าเส้นทางนี้สำหรับคนเดิน เส้นทางนี้สำหรับรถเล็กวิ่งผ่าน หรือเส้นทางนี้สำหรับรถใหญ่วิ่งผ่าน ซึ่งการอัพเดตข้อมูลแผนที่ทางบริษัทที่จำหน่ายอุปกรณ์ GPS นำทาง จะแจ้งผู้ใช้งานที่ซื้ออุปกรณ์ไปทำการอัพเดตแผนที่อยู่เสมอทุก ๆ 6 เดือน
แต่เนื่องจากแผนที่ของผู้ให้บริการแต่ละบริษัทมีความแตกต่างกัน ทั้งด้านคุณภาพและความถูกต้อง ผู้ใช้จึงควรศึกษาข้อมูลเลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ และมีชื่อเสียงในการทำแผนที่ในตลาดด้วย
คนที่ใช้ระบบนำทางควรที่จะมีวิจารณญาณพิจารณาว่าเส้นทางนั้นสามารถเดินทางไปได้หรือไม่ เนื่องจากปัจจัยทั้ง 3 ในข้างต้นสามารถก่อให้เกิดความผิดพลาดได้ตลอดเวลา หากเจอเส้นทางที่พิจารณาแล้วว่าไม่สามารถที่จะทำการเดินทางต่อไปได้ ให้ขับผ่านเลยเส้นทางนั้นไปแล้วระบบจะทำการคำนวณเส้นทางให้ใหม่อัตโนมัติ
การพัฒนาของเทคโนโลยี GPS นำทาง ในปัจจุบันทั้งแบบที่ใช้กับสมาร์ทโฟน หรือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ติดตั้งมากับตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ เป็นที่รู้กันว่าการใช้ GPS นำทาง นั้นต้องทำอย่างไร แต่ข้อมูลนี้จะเป็นข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ได้เข้าถึงระบบของ GPS นำทาง ได้ง่ายขึ้น
อันดับแรกผู้ใช้ควรที่จะศึกษาข้อมูลว่าโปรแกรม GPS ของคุณใช้ของอะไร เป็น Software ของบริษัทไหน มีความน่าเชื่อถือและการคำนวณที่แม่นยำมากแค่ไหน โดยทดสอบด้วยวิธีการใส่ข้อมูลของเส้นทางที่คุณรู้อยู่แล้วและตรวจสอบว่าระบบคำนวณเส้นทางถูกหรือไม่
นอกจากนี้ควรศึกษาทุกโหมด ทุกฟังก์ชั่นของตัวโปรแกรม เนื่องจากบางยี่ห้อหรือบางรุ่นอาจจะใช้ยากเกินไป อีกทั้งการตั้งค่าต่าง ๆ ของระบบ โดยการใช้งานของระบบนำทางนี้จะมีให้คุณเลือกได้ด้วยว่าจะเลือกใช้เส้นทางใด เช่น ทางด่วน ทางลัด ซึ่งคุณจะต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมว่าควรเลือกเส้นทางใดถึงจะดีที่สุด เพราะในบางครั้งเส้นทางลัดที่ระบบแนะนำอาจจะมีสภาพถนนที่ไม่ดีหรือเส้นทางที่ปิดไม่สามารถให้รถยนต์วิ่งผ่านก็เป็นได้
การใช้ GPS นำทาง อาจจะรบกวนสมาธิในการขับขี่ยานพาหนะของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงแจ้งเตือนต่าง ๆ และคุณเองก็จะต้องละสายตาจากถนนเพื่อหันไปมองจอแสดงผลอีกด้วย ทั้งนี้คุณจึงไม่ควรเปลี่ยนโหมดหรือตั้งค่าต่าง ๆ ในขณะที่กำลังขับขี่ยานพาหนะ แต่หากต้องทำการเปลี่ยนโหมดหรือตั้งค่าใหม่จริง ๆ อาจจะต้องจอดรถก่อน หรือให้ผู้ที่นั่งมาด้วยทำการปรับเปลี่ยนให้ และช่วยดูเส้นทางบอกระยะต่าง ๆ จะทำให้การขับขี่ยานพาหนะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ระบบ GPS นำทาง ที่คุณใช้บางครั้งอาจไม่ได้ทำการอัพเดทข้อมูล จึงอาจจะทำให้เกิดการคำนวณเส้นทางที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม เช่น เส้นทางตรงนั้นเปลี่ยนเป็นเส้นทางเดินรถทางเดียวไม่สามารถวิ่งสวนทางกันได้อย่างเก่า เพราะฉะนั้นผู้ใช้ควรจะมองป้ายบอกทางจราจรควบคู่ไปด้วย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หรือบางกรณีที่ GPS นำทาง คำนวณระยะทาง ผิดพลาด อาจจะบอกให้คุณเลี้ยวช้าหรือเลี้ยวเร็วเกินไป จะทำให้ต้องเสียเวลาในการคำนวณเส้นทางใหม่ เป็นต้น
ถึงแม้ว่าจะมี GPS ในการนำทางให้ แต่คุณก็ควรที่จะศึกษาเส้นทางก่อนการเดินทางในแต่ละครั้งด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่เคยไปมาก่อน เนื่องจากการคำนวณของระบบอาจจะพาคุณไปในเส้นทางที่ไม่มีจุดแวะพัก หรือปั้มน้ำมัน
การใช้ GPS นำทาง บางครั้งขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกอย่างเช่น ภูมิประเทศและอากาศด้วย เช่น ฝนตก เมฆหนา หรือพื้นที่ที่อยู่นอกเหนือการรับสัญญาณ เช่น ในอุโมงค์ หรือใต้ตึกต่าง ๆ รวมไปถึงฟิล์มกรองแสงที่มีสารเคลือบปรอทอาจจะเป็นตัวขัดขวางสัญญาณจากดาวเทียมทำให้ไม่สามารถรับสัญญาณได้
ประโยชน์ของ GPS นำทางมีมากมายเห็นได้อย่างชัดเจน คือ ช่วยให้ผู้ใช้งานประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และช่วยลดระยะเวลาในการเดินทาง เนื่องจากระบบมีการคำนวณเส้นทาง ระยะเวลาในการเดินทางที่สั้นที่สุดไว้เรียบร้อย ทำให้ผู้ใช้สามารถวางแผนการเดินทาง หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น และคำนวณค่าใช้จ่ายการเดินทางได้อย่างสะดวก
ระบบ GPS นำทางยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบเส้นทางในการเดินรถของบริษัทได้อย่างทันทวงทีเมื่อเกิดปัญหา
จากข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมดในข้างต้นกล่าวได้ว่า ระบบ GPS นำทางมีประโยชน์ต่อผู้ใช้รถใช้ถนนในสังคมปัจจุบันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหลาย ๆ คนที่ต้องเดินทางไกล หรือต้องใช้เส้นทางที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน ซึ่งการใช้ GPS นำทางจะช่วยเตือนให้ผู้ใช้ทราบถึงลักษณะเส้นทางต่าง ๆ ล่วงหน้า เช่น ทางเลี้ยว ทางโค้ง ทางเบี่ยง เป็นต้น
อีกทั้งยังมีระบบการบอกเส้นทางด้วยเสียง การใช้ระบบสัมผัส (Touch Screen) ที่หน้าจอภาพ และอุปกรณ์บางยี่ห้อสามารถสั่งให้คำนวณเส้นทางได้ด้วยเสียง โดยไม่ต้องกังวลกับการขับขี่ยานพาหนะอีกด้วย
ในการใช้อุปกรณ์ GPS นำทางบางยี่ห้อ บางครั้งคุณผู้ใช้จะต้องนำตัวเครื่องรับสัญญาณไปอัพเดทโปรแกรมข้อมูลต่าง ๆ ให้ทันสมัยอยู่เสมอ ซึ่งปกติควรจะนำไปอัพเดทแผนที่ปีละ 1 ครั้ง เพราะเส้นทางที่ท่านขับอยู่อาจจะมีการก่อสร้าง เปลี่ยนแปลงเส้นทางการเดินรถ ซึ่งไม่มีข้อมูลอยู่ในแผนที่นำทาง และอุปกรณ์นำทางไม่สามารถตอบสนองการค้นหาจุดหมายปลายทางของท่านได้ เนื่องจากข้อมูลบางอย่างอาจจะคลาดเคลื่อน ซึ่งผู้ใช้ควรที่จะใช้วิจารณญาณในการขับขี่ให้ไปถึงจุดหมาย โดยคำนึงถึงกฎจราจรและความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนเป็นหลัก
GPS นำทาง คืออะไร มีกี่ประเภท การใช้งานรวมไปถึงอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกันต่างๆ การคำนวณระยะทางของ GPS นำทาง ซึ่งไม่ยุ่งยากอย่างที่เราคิด