การขับขี่รถทุกประเภทจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด สาเหตุเพื่อเป็นการช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกวินาที กระนั้นสิ่งที่เรามักเห็นเป็นข่าวคราวกันประจำนั่นคืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมผู้ขับขี่คนไทยที่ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายนั่นเอง สิ่งเหล่านี้มันทำให้กลายเป็น ปัญหาจราจร จนคนอื่นได้รับความเดือดร้อนกันมากมาย โดยจะขอยกตัวอย่างพฤติกรรมยอดฮิตของคนไทยที่สร้างปัญหาทางการจราจรอยู่ตลอดว่ามีพฤติกรรมประเภทไหนบ้าง
พฤติกรรมเมาแล้วขับยังคงเป็นปัญหาจราจร และปัญหาที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนถนน เป็นอันดับแรกสุด ที่เรามักเห็นกันอยู่เป็นประจำโดยขอยกตัวอย่างข่าวในเรื่องนี้ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นมาให้ได้อ่านกัน
เมาแล้วขับซิ่งเสย 18 ล้อ หนุ่มวัย 30 อาการสาหัส – เหตุเกิดที่บริเวณสี่แยกการเคหะเมืองใหม่บางพลี อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เวลาราว 22.00 น. ของวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา บรรดาหน่วยกู้ภัยกำลังพยายามเร่งตัดถ่างเพื่องัดเอาผู้ที่ประสบเหตุติดอยู่ในรถฮอนด้า ซิตี้ สีบรอนซ์เงินออกมา หลังรถคันดังกล่าวเสียหลักพุ่งไปชนเข้ากับรถ 18 ล้อ แบบเต็ม ๆ
โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาถึง 15 นาทีกว่าจะนำตัวผู้ขับขี่รถยนต์ออกมาได้สำเร็จ ทราบชื่อคือ นายภานุพงษ์ อร่ามโชติ อายุ 30 ปี มีอาการบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งในตัวยังมีกลิ่นเหล้าคลุ้งเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่ง รพ.จุฬารัตน์ 3 ต่อไป
มีการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า ตอนที่รถติดไฟแดงอยู่พอดีกับจังหวะที่รถพ่วงคันโดนชนไฟเขียวทำให้คนขับรถ 18 ล้อ ก็ขับมาถึงกลางแยก ทว่าอยู่ดี ๆ ก็มีรถเก๋งขับมาด้วยความเร็วจากฝั่งบางพลีมุ่งหน้าบางบ่อผ่าไฟแดงชนเข้ากับรถพ่วงอย่างจัง เสียงดังสนั่น
พฤติกรรมต่อมาคือ การขับรถฝ่าไฟแดง ถือเป็นปัญหาจราจรที่มักสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้ถนนคนอื่นอยู่เป็นประจำ และนี่คือตัวอย่างข่าวเกี่ยวกับการขับรถฝ่าไฟแดงที่กำลังโด่งดัง
อ้างเป็นโรคติดต่อ ฝ่าไฟแดงชนแล้วหนีสุดท้ายไม่รอด – วันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้มีการโพสต์คลิปวีดีโอผ่านเฟซบุ๊กชื่อ ณรงค์ฤทธิ์ ใจรักษ์ ซึ่งเป็นผู้ประสบอุบัติเหตุโดนรถยนต์ขับพุ่งชนเข้าอย่างจังที่บริเวณ 5 แยกลาดพร้าว โดยคลิปวีดีโอดังกล่าวเป็นคลิปที่ได้มาจากพลเมืองดีซึ่งพยายามขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามเพื่อสกัดรถยนต์สีขาวชนคนฝ่าไฟแดงแล้วหนี อีกทั้งยังได้มีการตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดเส้นทางจนในที่สุดก็สามารถสกัดเอาไว้ได้
ล่าสุดทางเจ้าตัวที่เป็นผู้ก่อเหตุขับรถฝ่าไฟแดงแล้วชนเข้ากับบรรดารถทั้งหลายที่กำลังติดไฟแดงอยู่นั้นได้ออกมาบอกว่าที่จริงแล้วตนเองไม่ได้อยากขับหนีแต่ตนเองเป็นโรคติดต่อ สร้างความงงงวยให้กับคนในสังคมอย่างมากว่าการเป็นโรคติดต่อแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการขับรถฝ่าไฟแดงชนรถคันอื่นแล้วหลบหนีไปหน้าตาเฉย
หลายคนอาจคิดว่าการขับรถย้อนศรเป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ ทว่าที่จริงแล้วเรื่องนี้สร้างปัญหาจราจรให้กับสังคมบ่อยมาก และนี่เป็นอีกข่าวที่จะยกตัวอย่างมาให้ได้อ่านกัน
คิดได้ไง กระบะขับย้อนศรทำรถหักหลบได้รับบาดเจ็บ – ได้มีการแชร์เรื่องราวบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับเรื่องของการขับรถย้อนศรโดยเป็นคลิปวีดีโอจากกล้องหน้ารถยนต์ที่ขับมาตามถนนปกติ จู่ ๆ ก็มีรถกระบะขับย้อนศรมาในเลนฝั่งของตนเองจนทำให้เขาต้องเบรกกะทันหันจนกลายเป็นอุบัติเหตุ
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่หน้าหมู่บ้านก้องตะวัน ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ยังดีที่อุบัติเหตุดังกล่าวไม่มีใครได้รับบาดเจ็บมากหรือเสียชีวิต ล่าสุดผู้ขับขี่รถกระบะคันดังกล่าวได้เข้ามอบตัวแล้วทราบชื่อคือ นายสมจิตร์ วาจาตรง วัย 71 ปี เจ้าตัวขับไปส่งพระสงฆ์เพื่อทำกิจบริเวณดังกล่าว พอเสร็จก็ขับรถออกมาทันทีโดยไม่รู้ว่าเป็นการย้อนศรด้วยเป็นโรคเบาหวานกับความดันทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน ล่าสุดก็ได้มีการเคลียร์คดีและดำเนินการทางกฎหมายเรียบร้อย
เป็นพฤติกรรมสุดฮิตเลยก็ว่าได้ ที่เราเห็นมากที่สุดบนท้องถนนในปัจจุบัน กับการใช้โทรศัพท์หรือเล่นโทรศัพท์ในขณะขับรถ นี่เป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาจราจรด้วยเช่นกัน
เพราะตัวผู้ขับขี่ที่เล่นโทรศัพท์ไปด้วยนั้น จะไม่สามารถรับรู้ หรือเห็นสิ่งรอบข้างได้ ทำให้เสียสมาธิในการขับรถ โดยที่เห็นส่วนมากจะเล่นมือถือกันเพราะคิดว่า รถติดอยู่ ซึ่งทั้งที่จริงๆแล้วเป็นจังหวะรถติดนิดเดียว หรือติดไฟแดงแล้วไม่สังเกตไฟเขียว พอรถเคลื่อนก็ไม่ทันเห็นเพราะเล่นมือถืออยู่ ทำให้รถข้างหลังไม่สามารถไปต่อได้ หรือบางรายก็ขับเหมือนปล่อยให้รถไหลมากกว่า ทำให้การจราจรไม่คล่องตัวรถติดยาวเป็นหางว่าว
นี่เป็นปัญหาที่ผู้ขับขี่ควรพึงระวัง และไม่ควรทำในขณะขับขี่ เพราะนอกจากจะสร้างความเดือดร้อนเเล้วยังอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือการเฉี่ยวชนเพราะไม่ทันสังเกตรอบข้างได้ และนั้นจะทำให้เกิดรถติดยาวแน่นอน
อันนี้เป็นพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่เห็นใจผู้ใช้รถคันอื่นๆ การที่เราใช้รถในเลนขวา นั่นหมายถึงการใช้ความเร็วที่จะต้องเร็วกว่ารถในเลนซ้าย เพื่อแซง แต่ต้องอยู่ในความเร็วที่กำหนดไว้
พฤติกรรมไม่รู้ร้อนรู้หนาวนั้น ทำให้ผู้ที่ต้องการแซงขวา หรือใช้รถที่ใช้ความเร็วมาทางเลนขวาด้วยกัน ไปไม่ได้ ปัญหาทำให้เลนขวาที่ควรจะต้องเป็นเลนคล่องตัวนั้น ช้าลงและรถจำเป็นต้องแซงซ้ายแทน และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการแซงซ้ายขวา
รวมไปถึงการใช้ความเร็วที่มากเกินเหตุก็สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุและก่อให้เกิดปัญหาจราจรได้เช่นกัน ดังนั้น การใช้รถในเลนขวา ควรทำความเข้าใจและเห็นใจผู้ใช้ถนนคนอื่นๆเช่นกัน
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอย่าง ที่ทำให้เกิดการชะลอตัวของการเดินรถ บางรายต้องการชิดซ้ายจากเลนขวาสุด แต่ดันมาหักเข้าซ้ายกระทันหัน บางรายก็เพิ่งออกจากซอยหรืออยู่เลนซ้ายสุด ก็หักขวาทันทีเพื่อต้องการชิดเลนขวา นั้นทำให้เกิดการเบรกและการจราจรต้องชะงักเป็นทอดๆไป
เราจะเห็นเหตุการณ์และพฤติกรรมเช่นนี้ได้บ่อยตามบริเวณหน้าทางเข้าห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่จุดจอดรถโดยสาร เรามักเห็นรถเมล์จะหักจากเลนขวาสุดเพื่อมาเข้าจอดรับผู้โดยสารที่ป้ายรถเมล์ที่อยู่ทางซ้าย หรือแท็กซี่ที่จอดแช่ไม่ยอมไปไหนยาวเลยออกไปนอกจุดที่จัดเตรียมไว้ให้ รวมไปถึงรถยนต์ส่วนตัวที่มีให้เห็นทั่วไป
สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เกิดปัญหาจราจรทั้งสิ้น ดังนั้น เราควรวางแผนและเปลี่ยนเลนก่อนที่จะถึงที่หมายของเราซัก 200-300 เมตรก่อนถึงที่หมาย ไม่ควรหักเลี้ยวทันทีเมื่อต้องการ หรือขอเปลี่ยนเลนกระชันชิดเกินไป เพราะนั้นจะทำให้คุณจะต้องชะลอหรือหยุดรถเพื่อขอเปลี่ยนเลนในทันที ทำให้รถติดข้างหลังคุณยาวแน่นอน
จากพฤติกรรมทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเห็นเลยว่าแต่ละพฤติกรรมมันช่างยอดฮิตจนสร้าง ปัญหาจราจร ให้กับประเทศไทยมากมาย เริ่มต้นเปลี่ยนตนเองตั้งแต่วันนี้เพื่อความปลอดภัยต่อคนรอบข้างที่ต้องใช้รถใช้ถนนร่วมกับคุณดีกว่า
ยกตัวอย่างพฤติกรรมยอดฮิตของคนไทยที่สร้างปัญหาทางการจราจรตลอดว่ามีพฤติกรรมประเภทไหนบ้าง เมาแล้วขับ พฤติกรรมอันดับต้นๆ จนกลายเป็นปัญหาจราจร