BLOGS

สีในแผนที่ บอกอะไรเราบ้าง?

คุณต้องการให้ คาร์แทรค ช่วยเหลือเรื่องอะไร?

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

แผนที่ เป็นเครื่องมือที่สำคัญทางภูมิศาสตร์การจัดทำแผนที่ในปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ มีการนำเอารูปถ่ายทางอากาศและภาพถ่ายจากดาวเทียมมาช่วยในการทำแผนที่ ทำให้สามารถสร้างแผนที่ได้รวดเร็วมีความถูกต้องและทันสมัยกว่าในอดีต

ความสำคัญของแผนที่ เนื่องจากแผนที่เป็นที่รวบรวมข้อมูลทางภูมิศาสตร์ประเภทต่าง ๆ จึงสามารถใช้ประโยชน์จากแผนที่ได้ตามวัตถุประสงค์ ทั้งนี้โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปเห็นพื้นที่จริงหรือหากจะใช้แผนที่เพื่อการเดินทางก็จะสะดวกและถึงที่หมายได้ถูกต้อง

ส่วนประกอบในการสร้างแผนที่

ในการสร้างแผนที่ที่มีความสมบูรณ์ จำเป็นต้องมีองค์ประกอบต่างๆ เพื่อทำให้แผนที่นั้นสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง และเข้าใจได้ง่าย ซึ่งองค์ประกอบเหล่านั้น ประกอบด้วย

1) เส้นโครงของแผนที่ (map projection)

เส้นโครงแผนที่ เป็นระบบของเส้นขนานและเส้นเมริเดียน ที่สร้างขึ้นเพื่อกำหนดตำแหน่งพิกัดภูมิศาสตร์ให้เป็นมาตรฐาน

2) ชนิดของแผนที่

โดยทั่วไปแบ่งแผนที่ได้เป็น 3 ชนิด ตามการใช้งาน ได้แก่ แผนที่ภูมิประเทศ (Topographic Map) แผนที่เฉพาะเรื่อง (Thematic Map) แผนที่เล่ม (Atlas )

3) องค์ประกอบแผนที่

สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ภูมิประเทศแบบต่างๆ ป่าไม้ ปริมาณน้ำฝน และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น ที่ตั้งของเมือง เส้นทางคมนาคม พื้นที่เพาะปลูก โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญ ดังนี้

  • ชื่อแผนที่ (map name) เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นสำหรับให้ผู้ใช้ได้ทราบว่าเป็นแผนที่เรื่องอะไร แสดงรายละเอียดอะไรบ้าง เพื่อให้ผู้ใช้ได้อย่างถูกต้อง
  • ขอบระวาง (border) แผนที่ทุกชนิดจะมีขอบระวาง ซึ่งเป็นขอบเขตของพื้นที่ในภูมิประเทศที่แสดงบนแผนที่แผ่นนั้น มักจะแสดงด้วยเส้นขนานเพื่อแสดงตำแหน่งละติจูดกับเส้นเมริเดียนเพื่อแสดงตำแหน่งลองจิจูด และจะแสดงตัวเลขเพื่อบอกค่าพิกัดภูมิศาสตร์ของตำแหน่งต่างๆ
  • พิกัด (coordinate) พิกัดเป็นตัวกำหนดตำแหน่งต่างๆ บนแผนที่
  • ทิศทาง (direction) มีความสำคัญต่อการค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของสิ่งต่างๆ โดยในสมัยโบราณใช้วิธีดูทิศทางตามการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ในเวลากลางวัน และการดูทิศทางของดาวเหนือในเวลากลางคืน

4) มาตราส่วน (map scale)

มาตราส่วนหมายถึง สิ่งแสดงให้ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างระยะทางในแผนที่กับระยะทางที่ปรากฏจริงบนผิวโลก เนื่องจากแผนที่เป็นภาพย่อส่วนของพื้นโลก จึงจำเป็นต้องมีมาตราส่วนกำกับไว้ในแผนที่ด้วย เพื่อให้ผู้ใช้แผนที่ทราบว่ามาตราส่วนในแผนที่นั้นใช้แทนระยะทางบนพื้นผิวโลกมากน้อยเพียงใด

5) ชื่อภูมิศาสตร์ (geographic name)

คือตัวอักษรที่ใช้บอกชื่อเฉพาะที่มีความสำคัญในแผนที่ รูปแบบชื่อภูมิศาสตร์ที่นิยมใช้ในแผนที่ทั่วไป

6) สัญลักษณ์ (symbol)

และคำอธิบาย สัญลักษณ์ (legend)เป็นเครื่องหมายที่ใช้แทนสิ่งต่างๆ ในภูมิประเทศจริง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถอ่าและแปลความหมายจากแผนที่ได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้ในแผนที่จะต้องมีคำอธิบายสัญลักษณ์ประกอบไว้ด้วยเสมอ

7) สี (Color)

แสดงเพื่อจำแนกประเภทของลักษณะทางภูมิศาสตร์ เช่น แม่น้ำ ป่า ถนนทางหลวง เมือง ภูเขา เป็นต้น

8) ความสูงและทรวดทรงของภูมิประเทศ

พื้นผิวโลกมีระดับสูงและต่ำของภูมิประเทศแตกต่างกัน การเขียนแผนที่แสดงลักษณะภูมิประเทศ จึงต้องแสดงระดับความสูง-ต่ำของภูมิประเทศเพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่างกัน

9) การคำนวณหาระยะทางและพื้นที่ในแผนที่

ในการดูแผนที่นั้นสีมีส่วนสำคัญที่จะทำให้คุณสามารถรู้ได้ว่าสถานที่นั้นมีลักษณะทางภูมิศาสตร์อย่างไร เพราะฉะนั้นในการสร้างแผนที่ทุกครั้ง สีในแผนที่จึงเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะจะทำให้แผนที่นั้น ๆ เป็นแผนที่ที่ไม่สมบูรณ์และไม่สามารถบอกถึงลักษณะของพื้นที่ได้ แม้แต่ในแผนที่ GPS ก็ยังมีการนำสีมาบอกถึงลักษณะของพื้นที่ เส้นทาง และสภาพการจราจร เช่น สีฟ้า แสดงน้ำ สีแดง สามารถบอกสภาพการจราจร ณ ขณะนั้นว่าหนาแน่นมาน้อยเท่าใด เป็นต้น

ความหมายของ สีบนแผนที่ มีอะไรบ้าง

จากองค์ประกอบด้านบนในการสร้างแผนที่ สี (Color) เป็นสิ่งสำคัญที่จะนำมาใช้บ่งบอกถึงความสำคัญในเรื่องส่วนต่าง ๆ ของแผนที่ สีที่ใช้เป็นมาตรฐานในแผนที่มีทั้งหมด 5 สี คือ

  1. สีดำ ใช้แทนสิ่งต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นเช่น วัด โรงเรียน หมู่บ้าน และใช้แทนเส้นกริดและเลขกำกับเส้นกริด
  2. สีแดง ใช้แทนถนนและรายละเอียดพิเศษอื่นๆ
  3. สีน้ำเงิน ใช้แทนบริเวณที่เป็นน้ำ เช่น ทะเล มหาสมุทร
  4. สีน้ำตาล ใช้แทนความสูง เช่น เส้นชั้นความสูง เลขกำกับชั้นความสูง
  5. สีเขียว ใช้แทนพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่การเกษตร
  6. สีเหลือง แสดงสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับที่ราบสูง

ความแตกต่างของลักษณะภูมิประเทศ

นอกจากสีที่ใช้ในแผนที่แล้วยังมีการใช้แถบสี (Layer Tinting) คือการจำแนกความแตกต่างของลักษณะภูมิประเทศ ทั้งที่เป็นพื้นดินและพื้นน้ำโดยใช้แถบสี สีที่นิยมใช้ในแผนที่ของภูมิประเทศ มีดังนี้

พื้นดิน

กำหนดสีแสดงลักษณะภูมิประเทศ ไว้ดังนี้

1. สีเขียว แสดงพื้นที่ราบต่ำ
2. สีเหลือง แสดงเนินเขาหรือที่สูง
3. สีเหลืองแก่ แสดงภูเขาสูง
4. สีน้ำตาล แสดงภูเขาสูงมาก
5. สีขาว แสดงภูเขาที่มีหิมะปกคลุม

พื้นน้ำ

สีที่นิยมใช้เพื่อบอกความลึกของแหล่งน้ำในแผนที่ มีดังนี้

1. สีฟ้าอ่อน แสดงไหล่ทวีป หรือเขตทะเลตื้น
2. สีฟ้าแก่ แสดงทะเลลึก
3. สีน้ำเงิน แสดงทะเลหรือมหาสมุทรลึก
4. สีน้ำเงินแก่ แสดงน่านน้ำที่มีความลึกมาก

สีที่ใช้จำแนกในแผนที่ผังเมือง

นอกจากสีในแผนที่แล้วยังมีการนำสีมาใช้ในแผนที่ผังเมืองโดยแบ่งสีมาแบ่งตามประเภทของเขตที่ดินในแผนที่ผังเมืองอีกด้วย แบ่งได้ดังนี้

  1. เขตสีเหลือง หมายถึง ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย
  2. เขตสีส้ม หมายถึง ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง
  3. เขตสีแดง หมายถึง ที่ดินประเภทพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก
  4. เขตสีม่วง หมายถึง ที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า
  5. เขตสีม่วงอ่อน หมายถึง ที่ดินประเภทอุตสาหกรรมเฉพาะกิจ
  6. เขตสีเขียว หมายถึง ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม
  7. เขตสีเขียวอ่อน หมายถึง ที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อนันทนาการและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
  8. เขตสีเขียวมะกอก หมายถึง ที่ดินประเภทสถาบันการศึกษา
  9. เขตสีเอาอ่อน หมายถึง ที่ดินประเภทสถาบันศาสนา
  10. เขตสีน้ำเงิน หมายถึง ที่ดินประเภทสถาบันราชการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ
  11. เขตสีน้ำตาลอ่อน หมายถึง ที่ดินประเภทอนุรักษ์ เพื่อส่งเสริมเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมไท

คุณสามารถอ่านบทความเกี่ยวกับแผนที่ได้เพิ่มเติมที่ : องค์ประกอบของแผนที่ที่คุณควรทราบ

สิ่งสำคัญที่เราควรจะต้องรู้ในการดูแผนที่คือ สีในแผนที่ เป็นส่วนที่จะบอกรายละเอียดที่เราควรจะทราบในเบื้องต้นเช่น ส่วนเเม่น้ำ ทะเล แผ่นดิน