เนื่องจากระบบแอร์จะไม่เย็นเท่าที่ควร เพราะกรองแอร์รถยนต์เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่กรองเศษฝุ่นละออง ขนสัตว์ เส้นผม ฯลฯ เมื่อไส้กรองเก่าจะทำให้เสียสภาพการกรองไป สิ่งสกปรกต่าง ๆ จะสามารถหลุดผ่านไส้กรองที่เสื่อมแล้ว เข้ามาติดอยู่ที่แผงคอยล์เย็น หรือ Evaporator
ซึ่งแผงคอยล์นี้ ทำหน้าที่ลดอุณหภูมิ หรือเพิ่มระดับความเย็นให้แก่อากาศธรรมชาติที่พัดลมดูดเข้ามาในระบบแอร์ แล้วจึงจะกระจายลมเย็นเข้าไปในห้องโดยสารนั่นเอง การไม่เปลี่ยนกรองแอร์ที่ทุกหมื่นกิโลเมตรจึงทำให้ต้องหงุดหงิดเสียอารมณ์กับอากาศที่ร้อนอบอ้าวตลอดการขับขี่ โดยเฉพาะในบ้านเราที่สภาพอากาศร้อนชื้น มีแดดแรงจัดหลายชั่วโมงในตอนกลางวัน
เนื่องจากไส้กรองแอร์รถยนต์ที่เก่าเสื่อมสภาพ มีการฉีกขาดและไม่ได้เปลี่ยนกรองแอร์ จะทำให้อากาศภายในรถไม่บริสุทธิ์ มีฝุ่นละอองดินเข้ามาในรถ ได้กลิ่นเหม็นจากบรรยากาศภายนอกมากกว่าปกติ ไม่ว่ากลิ่นท่อไอเสีย กลิ่นสิ่งปฏิกูล ฯลฯ เมื่อขับรถยนต์ผ่านย่านที่มีมลภาวะทางอากาศสูง
นอกจากนี้ การที่ยังใช้ไส้กรองแอร์รถยนต์ที่อายุใช้งานมากกว่าหนึ่งหมื่นกิโลเมตร จะทำให้ฝุ่นละอองและเชื้อโรคสะสมมากมายที่แผงคอยล์เย็น และก็เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ไม่ว่า เชื้อ แบคทีเรีย สปอร์เชื้อรา ฯลฯ ภายในห้องโดยสาร ซึ่งพบว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด ภูมิแพ้ แน่นจมูก หอบกำเริบ และจะมีอาการรุนแรงยิ่งขึ้นในเด็ก ผู้สูงอายุ และคนที่มีโรคประจำตัว อาทิ ภูมิแพ้ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หอบหืด เป็นต้น
เช่น แผงคอยล์เย็น เนื่องจากไส้กรองแอร์รถยนต์ที่เสื่อมคุณภาพแล้ว จะไม่สามารถสกัดกั้นสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองต่าง ๆ ได้ดีดังเดิม ทำให้แผงคอยล์ที่ถูกสิ่งสกปรกเหล่านี้จับตัวเป็นก้อนแข็ง ถูกกัดกร่อนเกิดเป็นรูรั่วขนาดใหญ่ตามมา และส่งผลให้ระบบแอร์ทำงานประสิทธิภาพต่ำลง จนผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกได้ว่าแอร์ไม่เย็น ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแผงคอยล์และไส้กรองแอร์หลายพันบาท ทั้งที่ถ้าเปลี่ยนกรองแอร์อย่างเดียว ราคาหลักร้อยเท่านั้น
นอกจากนี้ การที่ผู้ขับขี่ต้องเร่งแอร์ทำความเย็น หรือที่จริงแล้ว ก็คือการเพิ่มรอบการหมุนของใบพัดลมแอร์ในการดึงอากาศเข้าสู่ระบบแอร์ จะทำให้เครื่องยนต์ต้องทำหน้าที่หนักขึ้นเป็นทวีคูณ สิ่งที่ตามมาคือเกิดความเสื่อมของเครื่องยนต์ตามมาไวกว่าที่ควร จึงต้องเสียค่าซ่อมเครื่องยนต์หลายส่วนในเวลาไม่ช้า และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าการเปลี่ยนแผงคอยล์และไส้กรองแอร์
เมื่อต้องแวะอู่ซ่อมรถยนต์ข้างทาง อาจจะโดนโก่งราคาการเปลี่ยนกรองแอร์ เพราะผู้ขับขี่และผู้โดยสารไม่สามารถทนต่ออากาศที่ร้อนอบอ้าว เนื่องจากระบบแอร์ไม่เย็น โดยเฉพาะการเดินทางไกลข้ามจังหวัดในช่วงฤดูร้อนหรือวันที่อากาศอบอ้าว
กล่าวคือ การที่แอร์ไม่เย็น เนื่องจากการไม่เปลี่ยนกรองแอร์ทุกหมื่นกิโลเมตร อาจทำให้ผู้ขับขี่เข้าใจผิดว่าเกิดจากการไม่ได้ล้างแอร์ ท่อแอร์อุดตัน ฯลฯ และหากไปปรึกษากับช่างที่ไม่ชำนาญอาจแนะนำให้ล้างแอร์ หรือเช็คในจุดอื่นที่ทำให้ผู้ขับขี่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าที่ควร
ทั้งยังเกิดปัญหาที่ตามมาภายหลังเนื่องจากการล้างแอร์รถยนต์ จำเป็นต้องถอดคอนโซลรถออกมาเพื่อใช้อุปกรณ์ช่างและน้ำยาล้างอัดฉีดทำความสะอาดระบบแอร์ แล้วจึงประกอบกลับเข้าไปใหม่ การประกอบคอนโซลรถที่ไม่พอดี หรือการใช้บริการล้างแอร์บ่อย ๆ (ทำให้ต้องถอดคอนโซลบ่อย ๆ ) จะทำให้ชิ้นส่วนนี้ไม่ฟิตอย่างเดิม ทำให้เมื่อขับรถจะเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด สร้างความรู้สึกรำคาญไปตลอดทาง
กล่าวคือ นำไส้กรองแอร์รถยนต์อันเดิมที่ใช้อยู่ออกมาเป่าทำความสะอาดเองด้วยไดร์เป่าผม โดยไม่ได้เปลี่ยนกรองแอร์ใหม่ ซึ่งช่างรถยนต์ยุคใหม่ไม่แนะนำให้ทำเช่นนั้น ไม่ว่าจะใช้ไดร์ความแรงต่ำหรือสูง ก็ล้วนส่งผลต่อประสิทธิภาพการกรอง เพราะวัสดุและดีไซน์ของไส้กรองที่ทำจากใยร่างแหเชื่อมต่อกันเป็นชั้นละเอียดสำหรับการกรองระดับไมครอน จะฉีกขาดหรือเปื่อยยุ่ยอย่างรวดเร็ว จึงส่งผลให้สิ่งสกปรกหรือฝุ่นละอองต่าง ๆ ยิ่งสามารถหลุดลอดไปจับกับคอยล์มากขึ้น และเกิดการกัดกร่อนตามมาอย่างรวดเร็ว
จะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนกรองแอร์รถยนต์ที่ดีที่สุดควรทำทุกหนึ่งหมื่นกิโลเมตร หรือน้อยกว่านั้นหากต้องเดินทางในเส้นทางที่มีฝุ่นละอองหรือมลภาวะทางอากาศมากเป็นประจำ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องยนต์
กรองแอร์รถยนต์เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ประจำรถ ที่ต้องใส่ใจเปลี่ยน หากไส้กรองมีความเหลืองสกปรก แนะนำให้เปลี่ยนกรองแอร์ที่ทุกหนึ่งหมื่นกิโลเมตร