การติด GPS รถ ไม่ใช่แค่ความพึงพอใจส่วนบุคคลหรือองค์กรอีกต่อไป เพราะตั้งแต่ต้นปี 2562 หรือ 2019 เป็นต้นมา กรมการขนส่งทางบก เริ่มออกกฎหมายให้รถบรรทุกมี GPS ติดรถบรรทุก และขยายสู่รถโดยสารสาธารณะอย่าง รถทัวร์ รถแท็กซี่โดยสารด้วย
กรมการขนส่งทางบก มีแนวคิดในชื่อโครงการช่วงเริ่มแรกว่า “มั่นใจทั่วไทย รถใช้ GPS” ที่ริเริ่มมาตั้งแต่ต้นปี 2559 ก่อนหน้าประกาศให้ผู้ประกอบการที่มีรถบรรทุกและรถสาธารณะรับทราบในปี 2562
จุดประสงค์ของการติด GPS รถ เพื่อให้ผู้ประกอบการขนส่งและคนทั่วไปสามารถติดตามและควบคุมพฤติกรรมการขับรถของพนักงานขับรถได้ ณ เวลานั้นเลยหรือแบบเรียลไทม์ (Real time) เช่น ความเร็วที่ใช้ เส้นทางที่ใช้ ระยะทาง ตำแหน่งที่รถวิ่งอยู่ ชั่วโมงการขับขี่รถและพักรถ ฯลฯ
ข้อมูลจาก GPS รถที่ได้ จะทำให้ผู้ประกอบการรถสาธารณะหรือยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์อย่างรถบรรทุกสามารถนำไปบริหารการเดินรถหรือขนส่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อาทิ กำหนดระยะทางวิ่งรถให้สั้นลง เพื่อประหยัดน้ำมันและปลอดภัยกว่า ออกแบบพฤติกรรมการขับขี่ที่เหมาะสมเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น
กรมการขนส่งฯ เชื่อว่า ผลลัพธ์ของการมี GPS ติดตามรถ จะช่วยลดต้นทุนการขนส่ง พัฒนาระบบโลจิสติกส์ (Logistics) ลดการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญ GPS เพิ่มความปลอดภัยให้กับการขับขี่ ด้วยการลดความเสี่ยงการอุบัติเหตุได้
สถิติอุบัติเหตุจากรถโดยสารและรถบรรทุกชี้ว่า ปัญหาอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการขับขี่ของคนขับรถ
รวมถึงระบบบริหารจัดการองค์กรที่ไม่รัดกุมกฎการขับขี่หรือเอื้อต่อการขับขี่รถที่ปลอดภัย อาทิ มีการใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ให้พนักงานขับรถเกินเวลามาตรฐานความปลอดภัยส่งผลให้เกิดความเมื่อยล้า อ่อนเพลีย จนนำมาซึ่งความเสียหายต่างๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้กรมการขนส่งทางบกมองว่า การติด GPS รถ คือการยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยให้กับระบบการขนส่งสาธารณะอย่างยั่งยืน จึงได้มีการจัดทำโครงการดังกล่าวขึ้นมา เป็นการติดตามพร้อมควบคุมพฤติกรรมทั้งเรื่องการบริหารงานกับบรรดาองค์กรต่างๆ
การควบคุมพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานขับรถทุกคนด้วยการใช้ GPS เป็นตัวกลาง จะเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ เข้ากับศูนย์บริหารจัดการการเดินรถแบบเรียลไทม์ บอกรายละเอียดลักษณะการขับขี่ต่างๆ ได้อย่างชัดเจน เช่น ระดับความเร็ว ความรุนแรงการออกตัว เบรกรถ เข้าโค้ง ชั่วโมงขับขี่ และตำแหน่งพิกัดของตัวรถตอนนี้ด้วย
กรมการขนส่งทางบก กำหนดให้รถโดยสารทุกประเภทและรถตู้ (เว้นแค่รถหมวด 4 ที่วิ่งสายหลักและสายย่อยไปตามชุมชน และรถหมวด 1 ที่วิ่งภายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รถวิ่งภายในภูมิภาค และรถลากจูง) และรถบรรทุกขนาดใหญ่ตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป ที่มีการจดทะเบียนใหม่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2559 เป็นต้นไป
ต้องมีการติดตั้ง GPS ที่คุณลักษณะพร้อมระบบการทำงานต่างๆ เป็นไปตามการประกาศของกรมฯ ทุกคัน เช่น ข้อมูลการขับขี่ ผู้ขับขี่เป็นใคร ฯลฯ โดยจะมี เครื่องรูดบัตรใบขับขี่ หรือที่เรียกว่า เครื่อง DLT โดยเฉพาะ
ส่วนรถที่มีการจดทะเบียนไว้ก่อนวันที่กำหนดต้องมีการดำเนินการติดตั้ง และเชื่อมโยงข้อมูล หรือมีการแก้ไขเกี่ยวกับเครื่องบันทึกข้อมูลตามระยะเวลาอันเหมาะสมที่กำหนด จึงจะสามารถต่ออายุทะเบียนรถได้เมื่อถึงกำหนดในอนาคต
จากประกาศตรงนี้ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองเห็นความสำคัญเกี่ยวกับการติดตั้ง GPS กับรถประเภทต่างๆ แล้วว่า จุดประสงค์ไม่ใช่แค่เรื่องการติดตามรถขององค์กรอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงเรื่องความปลอดภัยด้านอื่นอีกด้วย
เป็นต้นว่า หากองค์กรธุรกิจกระทำผิดกฎหมายที่ในเรื่องต่างๆ เช่น ใช้แรงงานขับรถเกินเวลา ก็มีสิทธิ์ต้องเสียค่าปรับหรือถูกดำเนินคดีอื่นๆ ตามมาได้
ทุกองค์กรจึงเริ่มศึกษาเรียนรู้การติดตั้ง GPS ให้กับรถอย่างจริงจัง จะเป็น GPS ติดรถยนต์ ทั่วไป, GPS ติดรถบรรทุก, GPS ติดรถ โดยสารและอื่นๆ จุดเริ่มต้นจึงต้องมาจากคนที่ใช้งานจริงก่อนแล้วทุกอย่างจะทำให้เกิดความปลอดภัยได้ด้วยตนเอง
ในแง่ของสวัสดิภาพของประชาชนทุกคน ต้องบอกว่านี่คือข่าวดี เพราะบ้านเรามีปริมาณการใช้รถค่อนข้างเยอะมาก ทั้งส่วนบุคคลและขนส่งพาณิชย์
เมื่อรถเยอะโอกาสเสี่ยงต่ออุบัติเหตุย่อมเยอะตามไปด้วย วิธีลดอุบัติเหตุง่ายๆ ที่เริ่มได้ด้วยความร่วมมือของทุกองค์กรอย่างเช่น ซื้อ GPS ติดรถยนต์ มาใช้งานนี้ จะช่วยทำให้ถนนหนทางในบ้านเราน่าใช้งานมากกว่าและยังทำให้การขับขี่เป็นเรื่องง่ายด้วย
จุดเอื้อประโยชน์ของข้อกำหนดติด GPS รถของกรมการขนส่งฯ คือ ผู้ประกอบการสามารถเลือก GPS ติดตามรถบรรทุก ยี่ห้อไหนดีก็ได้ ได้ด้วยตัวเอง
เมื่อพูดถึง แนวทางการเลือก GPS ติดรถ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ประสิทธิภาพการติดตามแม่นยำสูง ให้ข้อมูลการขับขี่ที่ละเอียดและเป็นข้อมูลที่นำมาใช้ประโยชน์ได้จริง
ที่สำคัญคือ บริการหลังการขาย เพราะปัจจุบันในประเทศไทยนั้นมี บริษัท GPS หลากหลายบริษัทมากมายทั้งเล็กและใหญ่ กว่า 200 บริษัท แต่มีเพียงไม่กี่แห่งที่มีบริการหลังการขายที่ช่วยให้ธุรกิจทำงานง่ายและไม่ต้องจ้างทีมเทคนิคมาดูแลหรือเสียเวลามาติดตามด้วยตัวเอง
ซึ่งลูกค้าที่เลือกใช้บริการกับบริษัทที่ขายอุปกรณ์ขาด และไม่มีบริการหลังการขายที่ดี จะเจอปัญหาคล้ายๆ และปัญหาที่เจอประจำคือ
หากเป็นบริษัทที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ GPS แท้จริง ก็จะไม่มีการพัฒนาสินค้าให้มีความแม่นยำและมีความเสถียรในตัววัด ทำให้หลายครั้งสามารถลดราคาสินค้าให้ถูกมาก
อีกข้อสังเกตหนึ่งคือ บริษัทจำพวกที่ไม่รับประกันสินค้า จะมีลักษณะเป็นบริษัทที่นำเข้า GPS ราคาถูกจากจีน ที่ไม่มีมาตรฐานคุณภาพ
เพราะเราใส่ใจในบริการ และให้ความสำคัญกับลูกค้า
บริการ GPS ติดรถบรรทุก ของ Cartrack เรานำปัญหาที่ลูกค้าต้องการแก้เป็นตัวตั้ง GPS ของ Cartrack ตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการการใช้งานครอบคลุมทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการ
เมื่อสมัครใช้งาน ลูกค้าจ่ายเฉพาะค่าบริการ GPS แต่ไม่ต้องจ่ายค่าอุปกรณ์ GPS และค่าติดตั้ง GPS เพราะเราดูแลลูกค้าด้วยบริการ เราคือ บริการ GPS ที่ลูกค้าสามารถโทรหาเราได้ 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ 365 วันไม่มีวันหยุด
ลูกค้าสามารถขอติดตั้ง GPS ได้ทั่วไทยกับ Cartrack ไม่ว่ารถหรือยานพาหนะของคุณลูกค้าอยู่ที่ไหน เรามีเจ้าหน้าที่ Cartrack โดยเฉพาะ ไม่ใช่ช่าง outsource ทั่วไป ที่จะไปติดตั้งอุปกรณ์ ซ่อมแซม หรือเปลี่ยน GPSซึ่งบริการหลังการขายทั้งหมดนี้ ลูกค้าได้ฟรี! ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย ตลอดเวลาที่ลูกค้าใช้บริการกับเรา
Cartrack ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำของประเทศ เช่น SCG, Komatsu, Ecocar ด้วยมาตรฐาน GPS ติดรถ ระดับสากล Cartrack มีบริษัทอยู่ใน 23 ประเทศทั่วโลก ณ ปัจจุบัน
อยากทราบข้อมูล GPS รถบรรทุกขนส่ง รถบริษัทหรือรถส่วนบุคคล คลิกที่ปุ่มสีส้มด้านล่างนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของเราจะติดต่อกลับหาคุณ
GPS ติดรถบรรทุก เพื่อการขนส่ง ควรติด GPS แบบไหน แล้ว GPS สำคัญยังไง ใช้ประโยชน์และช่วยเหลือธุรกิจ หรือกิจการของเราอะไรอย่างไรบ้าง