BLOGS

ทำไมกรมการขนส่งทางบกให้มี GPS ติดรถบรรทุก ทุกคัน?

สนใจใช้งาน GPS ติดรถ Cartrack วันนี้ ปรึกษาฟรี!

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

การติด GPS รถ ไม่ใช่แค่ความพึงพอใจส่วนบุคคลหรือองค์กรอีกต่อไป เพราะตั้งแต่ต้นปี 2562 หรือ 2019 เป็นต้นมา กรมการขนส่งทางบก เริ่มออกกฎหมายให้รถบรรทุกมี GPS ติดรถบรรทุก และขยายสู่รถโดยสารสาธารณะอย่าง รถทัวร์ รถแท็กซี่โดยสารด้วย

จนถึงตอนนี้อาจมีหลายคนที่ยังรู้สึกสงสัยว่าอุปกรณ์ GPS กรมขนส่งบังคับให้ติดทำไม มีเหตุผลอะไร บทความคาร์แทรควันนี้จะมาตอบคำถามให้ทุกคนได้กระจ่างและเข้าใจความสำคัญของระบบจีพีเอสติดรถกัน

GPS ติดรถบรรทุก ทำไมกรมขนส่งต้องให้ติด?

กรมการขนส่งทางบก มีแนวคิดในชื่อโครงการช่วงเริ่มแรกว่า “มั่นใจทั่วไทย รถใช้ GPS” ที่ริเริ่มมาตั้งแต่ต้นปี 2559 ก่อนหน้าประกาศให้ผู้ประกอบการที่มีรถบรรทุกและรถสาธารณะรับทราบในปี 2562

จุดประสงค์ของการติด GPS รถบรรทุกขนส่ง เพื่อให้ผู้ประกอบการขนส่งและคนทั่วไปสามารถติดตามและควบคุมพฤติกรรมการขับรถของพนักงานขับรถได้ ณ เวลานั้นเลยหรือแบบเรียลไทม์ (Real time) เช่น ความเร็วที่ใช้ เส้นทางที่ใช้ ระยะทาง ตำแหน่งที่รถวิ่งอยู่ ชั่วโมงการขับขี่รถและพักรถ ฯลฯ

ข้อมูลจาก GPS รถที่ได้ จะทำให้ผู้ประกอบการรถสาธารณะหรือยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์อย่างรถบรรทุกสามารถนำไปบริหารการเดินรถหรือขนส่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อาทิ กำหนดระยะทางวิ่งรถให้สั้นลง เพื่อประหยัดน้ำมันและปลอดภัยกว่า ออกแบบพฤติกรรมการขับขี่ที่เหมาะสมเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น

กรมการขนส่งฯ เชื่อว่า ผลลัพธ์ของการมี GPS ติดตามรถ จะช่วยลดต้นทุนการขนส่ง พัฒนาระบบโลจิสติกส์ (Logistics) ลดการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญ GPS เพิ่มความปลอดภัยให้กับการขับขี่ ด้วยการลดความเสี่ยงการอุบัติเหตุได้

สถิติฟ้อง! พฤติกรรมไม่ปลอดภัย เสี่ยงก่ออุบัติเหตุ

สถิติอุบัติเหตุจากรถโดยสารและรถบรรทุกชี้ว่า ปัญหาอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการขับขี่ของคนขับรถ

รวมถึงระบบบริหารจัดการองค์กรที่ไม่รัดกุมกฎการขับขี่หรือเอื้อต่อการขับขี่รถที่ปลอดภัย อาทิ มีการใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ให้พนักงานขับรถเกินเวลามาตรฐานความปลอดภัยส่งผลให้เกิดความเมื่อยล้า อ่อนเพลีย จนนำมาซึ่งความเสียหายต่าง ๆ

เมื่อเป็นเช่นนี้กรมการขนส่งทางบกมองว่า การติด GPS ติดตามรถบรรทุก คือการยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยให้กับระบบการขนส่งสาธารณะอย่างยั่งยืน จึงได้มีการจัดทำโครงการดังกล่าวขึ้นมา เป็นการติดตามพร้อมควบคุมพฤติกรรมทั้งเรื่องการบริหารงานกับบรรดาองค์กรต่าง ๆ

ระบบ GPS ติดรถบรรทุก รู้พฤติกรรมการขับขี่ได้อย่างไร?

การควบคุมพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานขับรถทุกคนด้วยการใช้ GPS เป็นตัวกลาง จะเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ เข้ากับศูนย์บริหารจัดการการเดินรถแบบเรียลไทม์ บอกรายละเอียดลักษณะการขับขี่ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน เช่น ระดับความเร็ว ความรุนแรงการออกตัว เบรกรถ เข้าโค้ง ชั่วโมงขับขี่ และตำแหน่งพิกัดของตัวรถตอนนี้ด้วย

รถประเภทไหนบ้างที่ต้องติดตั้ง GPS?

กรมการขนส่งทางบก กำหนดให้รถโดยสารทุกประเภท และรถตู้ (เว้นแค่รถหมวด 4 ที่วิ่งสายหลักและสายย่อยไปตามชุมชน และรถหมวด 1 ที่วิ่งภายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รถวิ่งภายในภูมิภาค และรถลากจูง) และรถบรรทุกขนาดใหญ่ตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป ที่มีการจดทะเบียนใหม่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2559 เป็นต้นไป

ต้องมีการติดตั้ง GPS ที่คุณลักษณะพร้อมระบบการทำงานต่าง ๆ เป็นไปตามการประกาศของกรมฯ ทุกคัน เช่น ข้อมูลการขับขี่ ผู้ขับขี่เป็นใคร ฯลฯ โดยจะมี เครื่องรูดบัตรใบขับขี่ หรือที่เรียกว่า เครื่อง DLT โดยเฉพาะ

ส่วนรถที่มีการจดทะเบียนไว้ก่อนวันที่กำหนดต้องมีการดำเนินการติดตั้ง และเชื่อมโยงข้อมูล หรือมีการแก้ไขเกี่ยวกับเครื่องบันทึกข้อมูลตามระยะเวลาอันเหมาะสมที่กำหนด จึงจะสามารถต่ออายุทะเบียนรถได้เมื่อถึงกำหนดในอนาคต

สรุปใจความสำคัญของประกาศรายละเอียดการติดตั้ง GPS ติดรถบรรทุก และรถประเภทอื่น ดังนี้

  • รถโดยสารสาธารณะ รถลากจูง และรถบรรทุกขนาดใหญ่ตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป ที่ติดตั้ง GPS ไว้เรียบร้อยแล้วต้องเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์บริหารจัดการเดินรถของกรมการขนส่งทางบกไม่เกินสิ้นปี 2559
  • รถโดยสารสาธารณะที่ยังไม่มีการติดตั้ง GPS หากเป็นรถโดยสาร 2 ชั้น มีกำหนดติดตั้งไม่เกินรอบปีภาษี 2559
  • รถโดยสารประเภทอื่น ๆ ต้องมีการดำเนินเรื่องการติดตั้งให้เสร็จเรียบร้อยภายในรอบปีภาษี 2560
  • รถลากจูงมีกำหนดติดตั้งภายในรอบปีภาษี 2560
  • รถบรรทุกสาธารณะมีกำหนดติดตั้งภายในรอบปีภาษี 2561
  • รถบรรทุกส่วนบุคคลมีระยะเวลาดำเนินการติดตั้งและเชื่อมข้อมูลให้เสร็จเรียบร้อยภายในรอบปีภาษี 2562

มากกว่าการติดตาม คือ เพิ่มความปลอดภัย

จากประกาศตรงนี้ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองเห็นความสำคัญเกี่ยวกับการติดตั้ง GPS กับรถประเภทต่าง ๆ แล้วว่า จุดประสงค์ไม่ใช่แค่เรื่องการติดตามรถขององค์กรอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงเรื่องความปลอดภัยด้านอื่นอีกด้วย

เป็นต้นว่า หากองค์กรธุรกิจกระทำผิดกฎหมายที่ในเรื่องต่าง ๆ เช่น ใช้แรงงานขับรถเกินเวลา ก็มีสิทธิ์ต้องเสียค่าปรับหรือถูกดำเนินคดีอื่น ๆ ตามมาได้

ทุกองค์กรจึงเริ่มศึกษาเรียนรู้การติดตั้ง GPS ให้กับรถอย่างจริงจัง จะเป็น GPS ติดรถยนต์ ทั่วไป, GPS รถบรรทุก, GPS ติดรถโดยสารและอื่น ๆ จุดเริ่มต้นจึงต้องมาจากคนที่ใช้งานจริงก่อนแล้วทุกอย่างจะทำให้เกิดความปลอดภัยได้ด้วยตนเอง

ในแง่ของสวัสดิภาพของประชาชนทุกคน ต้องบอกว่านี่คือข่าวดี เพราะบ้านเรามีปริมาณการใช้รถค่อนข้างเยอะมาก ทั้งรถส่วนบุคคลและขนส่งพาณิชย์

เมื่อรถเยอะ โอกาสเสี่ยงต่ออุบัติเหตุย่อมเยอะตามไปด้วย วิธีลดอุบัติเหตุง่าย ๆ ที่เริ่มได้ด้วยความร่วมมือของทุกองค์กรอย่างเช่น ซื้อ GPS ติดรถยนต์ มาใช้งาน จะช่วยทำให้ถนนหนทางในบ้านเราน่าใช้งานมากกว่าและยังทำให้การขับขี่เป็นเรื่องง่ายด้วย

ทำไมกรมการขนส่งทางบกให้มี GPS ติดรถบรรทุก ทุกคัน?

GPS ที่ดี สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจเช่นคุณ

จุดเอื้อประโยชน์ของข้อกำหนดติด GPS รถของกรมการขนส่งฯ คือ ผู้ประกอบการสามารถเลือก GPS รถบรรทุก สำหรับติดตามรถยี่ห้อไหนดีก็ได้ ได้ด้วยตัวเอง

เมื่อพูดถึง แนวทางการเลือก GPS ติดรถ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ประสิทธิภาพการติดตามแม่นยำสูง ให้ข้อมูลการขับขี่ที่ละเอียดและเป็นข้อมูลที่นำมาใช้ประโยชน์ได้จริง

ที่สำคัญคือ บริการหลังการขาย เพราะปัจจุบันในประเทศไทยนั้นมี บริษัท GPS หลากหลายบริษัทมากมายทั้งเล็กและใหญ่ กว่า 200 บริษัท ที่ให้บริการ GPS ติดรถบรรทุก ราคาน่าสนใจมากมาย แต่มีเพียงไม่กี่แห่งที่มีบริการหลังการขายที่ช่วยให้ธุรกิจทำงานง่ายและไม่ต้องจ้างทีมเทคนิคมาดูแลหรือเสียเวลามาติดตามด้วยตัวเอง

ซึ่งลูกค้าที่เลือกใช้บริการกับบริษัทที่ขายอุปกรณ์ขาด และไม่มีบริการหลังการขายที่ดี จะเจอปัญหาคล้าย ๆ และปัญหาที่เจอประจำคือ

  • ระยะทางที่ติดตามได้ขาด ๆ หาย ๆ เนื่องจากสัญญาณไม่เสถียร
  • แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว
  • วัดความเร็วไม่ตรง
  • วัดน้ำมันไม่ตรง
  • ระบบเป็นภาษาอังกฤษหรือจีน
  • รูด DLT Card Reader รับส่งข้อมูลติด ๆ หลุด ๆ
  • ไม่สามารถวัดการทำงานของอุปกรณ์เฉพาะทางได้ เช่น ความเร็วในการหมุนของเครื่องรถโม่ปูน องศาในการใช้ยกรถเครนหรือ หัวลาก การวัดอุณหภูมิในห้องขนส่งแช่เย็น ฯลฯ
  • ระบบล้าหลังไม่อัปเดต ไม่มีแจ้งเตือน ถ้าต้องการอัปเดตต้องหาซื้อเพิ่มเอง

หากเป็นบริษัทที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ GPS แท้จริง ก็จะไม่มีการพัฒนาสินค้าให้มีความแม่นยำและมีความเสถียรในตัววัด ทำให้หลายครั้งสามารถลดราคาสินค้าให้ถูกมาก หรือไม่มีการรับประกันสินค้า จะมีลักษณะเป็นบริษัทที่นำเข้า GPS ราคาถูกจากจีน ที่ไม่มีมาตรฐานคุณภาพ

Cartrack แก้ปัญหา GPS ติดรถบรรทุกได้ครบจริง ๆ

เราใส่ใจในบริการ และให้ความสำคัญกับลูกค้า บริการ GPS ติดรถบรรทุก และ GPS ติดรถขนส่งของ เรานำปัญหาที่ลูกค้าต้องการแก้เป็นตัวตั้ง ผู้ใช้งานจึงมั่นใจได้ว่าระบบ GPS ของ Cartrack จะตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการในการใช้งานของลูกค้าอย่างครอบคลุม

เมื่อสมัครใช้งาน ลูกค้าจ่ายเฉพาะค่าบริการ GPS แต่ไม่ต้องจ่ายค่าอุปกรณ์ GPS และค่าติดตั้ง เพราะเราดูแลลูกค้าด้วยใจ ลูกค้าสามารถขอติดตั้ง GPS ได้ทั่วไทยกับ Cartrack ไม่ว่ารถหรือยานพาหนะของคุณลูกค้าอยู่ที่ไหน 

เรามีเจ้าหน้าที่ Cartrack โดยเฉพาะ ที่จะไปติดตั้งอุปกรณ์ ซ่อมแซม หรือเปลี่ยน GPS ไม่ใช่ช่าง outsource ทั่วไป ซึ่งบริการหลังการขายทั้งหมดนี้ ลูกค้าได้ฟรี! ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย ตลอดเวลาที่ลูกค้าใช้บริการกับเรา

Cartrack ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำของประเทศ เช่น SCG, Komatsu, Ecocar ด้วยมาตรฐาน GPS ติดรถ ระดับสากล Cartrack มีบริษัทอยู่ใน 23 ประเทศทั่วโลก ณ ปัจจุบัน

หากคุณสนใจติดตั้ง สามารถขอคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่ Cartrack ก่อนได้ฟรี เพื่อให้การใช้งานระบบ GPS ติดในรถ ให้เหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด โทรหาเราได้ที่ 021362920 หรือ 021362921 หรือกรอกแบบฟอร์มด้านบนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการของเราติดต่อหาในช่วงเวลาทำการ ตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 - 17.30 น.

สนใจติดตั้งจีพีเอสติดรถกับ คาร์แทรค (Cartrack) บริษัท GPS ที่กรมการขนส่งทางบกรับรอง วันนี้: ทดลองใช้ฟรี !

GPS ติดรถบรรทุก เพื่อการขนส่ง ควรติด GPS แบบไหน แล้ว GPS สำคัญยังไง ใช้ประโยชน์และช่วยเหลือธุรกิจ หรือกิจการของเราอะไรอย่างไร ทำไมกรมขนส่งถึงบังคับให้ติด