คุณติดตามความเคลื่อนไหวของรถใช้งานของคุณได้ละเอียดมากแค่ไหน? เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องที่วัดได้ยาก แต่หากพูดถึงความละเอียดของข้อมูลรถ ระบบติดตามรถ หรือ จีพีเอส (GPS) เป็นเครื่องมือสำคัญที่เก็บข้อมูลรถได้ครบถ้วนมากที่สุด เท่าที่ขั้นตอนการเก็บข้อมูลหนึ่งจะทำได้ เพราะระบบจะติดอยู่กับระบบทำงานของรถตลอดเวลาและมีเทคโนโลยีการเก็บและประมวลผลข้อมูลเฉพาะสำหรับเครื่องยนต์
GPS คืออะไร?
ก่อนที่เราจะไปดูว่า GPS Tracker คืออะไร มาทำความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ GPS กันก่อน
GPS ย่อมาจาก Global Positioning System (ระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลก) เป็นระบบนำทางด้วยดาวเทียมที่สามารถให้ข้อมูลตำแหน่ง การนำทาง และเวลาที่แม่นยำแก่ผู้ใช้
GPS เป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่ล้ำสมัยที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน มีการใช้งาน GPS กับทุกอย่างหรือทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ สมาร์ทโฟน หรือแม้กระทั่งนาฬิกาดิจิตอล ทั้งหมดจะใช้หลักการ Trilateration ซึ่งวัดระยะเวลาที่สัญญาณใช้เดินทางจากดาวเทียมไปยังเครื่องรับ เพื่อกำหนดพิกัด
ระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลก (GPS) ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก
- ส่วนอวกาศ (Space Segment) ประกอบด้วยดาวเทียมที่โคจรรอบโลก ทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปยังผู้ใช้งาน โดยอาศัยข้อมูลตำแหน่งทางภูมิศาสตร์และเวลานั้นๆ
ฟังก์ชั่นหลักของส่วนอวกาศคือ การส่ง เก็บข้อมูล และส่งต่อสัญญาณวิทยุบอกตำแหน่งที่ได้รับจากส่วนควบคุม ไปยังเครื่องรับ GPS ภาคพื้นดิน ช่วยให้เครื่องรับ GPS สามารถคำนวณตำแหน่ง การนำทาง และเวลาที่แม่นยำได้
- ส่วนควบคุม (Control Segment) หรือเรียกว่า ระบบควบคุมปฏิบัติการ (Operational Control System) เป็นส่วนสำคัญในการทำงานและบริหารจัดการระบบ GPS อย่างถูกต้อง
ส่วนนี้ประกอบด้วยสถานีตรวจสอบภาคพื้นดิน สถานีควบคุมหลัก และเสาอากาศภาคพื้นดิน ทำหน้าที่ติดตามและควบคุมดาวเทียมในอวกาศ ตรวจสอบการส่งสัญญาณ และดูแลความสมบูรณ์และแม่นยำของกลุ่มดาวเทียม GPS
ส่วนควบคุมนี้ทำหน้าที่ติดตามว่า ดาวเทียมต่างๆ โคจรอยู่ในจุดของตัวเองอย่างถูกต้อง นาฬิกาบนดาวเทียมมีความแม่นยำ และข้อมูลนำทางถูกต้อง
- ส่วนผู้ใช้งาน (User Segment) หมายถึง อุปกรณ์ที่ใช้รับสัญญาณ GPS จากดาวเทียม เช่น สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์ติดตามยานพาหนะ (Telematics Devices)
ทั้งสามส่วนนี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้ GPS สามารถคำนวณระยะทางจากดาวเทียมต่างๆ และมอบข้อมูลตำแหน่งที่แม่นยำแบบเรียลไทม์แก่ผู้ใช้ ช่วยให้ระบุตำแหน่งที่แน่นอนได้
ระบบ GPS ต้องการอะไรเพื่อทำงานได้?
ระบบ GPS จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยองค์ประกอบสำคัญ ดังนี้
- เครือข่ายดาวเทียม (Satellite Network): โดยทั่วไปจะประกอบด้วยดาวเทียมอย่างน้อย 24 ดวงที่โคจรรอบโลก ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของ GPS
- การส่งสัญญาณ (Signal Transmission): ดาวเทียมแต่ละดวงในเครือข่ายจะส่งสัญญาณตำแหน่งโคจรของมันเองและเวลาที่แน่นอนของตำแหน่งนั้นบนคลื่นความถี่วิทยุ
- อุปกรณ์รับสัญญาณ GPS (GPS Device or Receiver): เครื่องรับสัญญาณ GPS มักจะฝังอยู่ในสมาร์ทโฟน เทคโนโลยีสวมใส่ (เช่น นาฬิกาอัจฉริยะ) เครื่องติดตามยานพาหนะ และระบบนำทางเฉพาะทาง
GPS ติดตาม คืออะไร?
จีพีเอสติดตาม หรือ GPS Tracker คือ อุปกรณ์ที่ใช้ระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลก (GPS) ในการระบุและติดตามตำแหน่งของวัตถุใดวัตถุหนึ่งจากระยะไกล
ตัวเครื่องประกอบด้วย เครื่องรับสัญญาณ GPS (GPS receiver) ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับกลุ่มดาวเทียมเพื่อระบุตำแหน่งของอุปกรณ์ GPS Tracker มีลักษณะเป็นอุปกรณ์พกพา ที่สามารถติดตั้งอยู่ในรถหรือเครื่องจักรได้อย่างสะดวก
GPS แบบ Passive กับแบบ Active ต่างกันอย่างไร?
GPS ติดตาม แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ แบบ Active และแบบ Passive
1. GPS แบบ Active (Active GPS Tracking)
ระบบติดตาม GPS แบบ Active เป็นระบบติดตามแบบเรียลไทม์ ที่จะส่งข้อมูลตำแหน่งจาก GPS ไปยังศูนย์กลางติดตามหรือระบบอื่นๆ แบบเรียลไทม์โดยอัตโนมัติ ช่วยให้คุณดูแลยานพาหนะได้ตลอดเวลา
2. GPS แบบ Passive (Passive GPS Tracking)
ระบบติดตาม GPS แบบ Passive เน้นบันทึกและจัดเก็บข้อมูลการติดตาม ซึ่งสามารถดาวน์โหลดและนำไปใช้ในภายหลังได้ เหมาะสำหรับกรณีที่ไม่จำเป็นต้องการการติดตามแบบเรียลไทม์
เราทำสรุปความแตกต่างระหว่าง Active GPS กับ Passive GPS ดูเข้าใจง่ายในตารางด้านล่างนี้ด้วย
ความสามารถ |
Active GPS |
Passive GPS |
การเข้าถึงข้อมูล |
เข้าถึงการรับส่งข้อมูลพิกัดสถานที่ได้แบบ Real-time |
อุปกรณ์บันทึกและเก็บข้อมูลการติดตาม ที่ผู้ใช้งานต้องดาวน์โหลดเองเป็นระยะๆ |
ความถี่การบันทึกข้อมูล |
ส่งข้อมูลอัปเดตสถานที่เป็นระยะบ่อยๆ ไปยังระบบ |
บันทึกข้อมูลสถานที่ตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า |
การติดตาม |
ติดตามสด |
ต้องวิเคราะห์เอาย้อนหลังเนื่องจากเป็นข้อมูลที่บันทึกไว้ |
การแจ้งเตือน |
แจ้งเตือนแบบ Real-time |
ไม่มีการแจ้งเตือนแบบ Real-time |
ทำไมคุณถึงควรใช้ GPS ติดตามรถในธุรกิจของคุณ?
1. มองเห็นภาพรวมของรถทั้งหมดแบบเรียลไทม์
ผู้จัดการรถจะสามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของรถแต่ละคันที่ดูแลอยู่ได้ทุกช่วงเวลา ช่วยให้ตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น และทำงานแบบเชิงรุกเพื่อลดความเสี่ยงการทำงาน และยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของรถได้
2. วางแผนเส้นทางได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คุณจะมีรายงานการเดินทางย้อนหลัง ซึ่งช่วยให้ระบุเส้นทางจราจรที่ติดขัด และค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุดในการเดินทาง ซึ่งช่วยปรับปรุงเส้นทางการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ช่วยป้องกันการใช้รถโดยไม่ได้รับอนุญาต
ระบุได้อย่างรวดเร็วว่ามีการนำรถไปใช้ในทางที่ผิด เช่น ใช้ส่วนตัวหรืองานเสริม หรือไม่
4. บริการลูกค้าได้พึงพอใจมากขึ้น
ระบบติดตาม GPS ช่วยให้ทราบระยะทางของรถก่อนถึงจุดหมายปลายทางอย่างแม่นยำ ข้อมูลนี้ช่วยให้คุณประเมินเวลาที่รถไปมาถึงลูกค้าได้อย่างถูกต้อง และลูกค้าได้รับการอัปเดตตลอดกระบวนการจัดส่ง เพิ่มความมั่นใจและพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม
5. ลดการใช้เชื้อเพลิง
เชื้อเพลิงเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่มากที่สุดสำหรับธุรกิจส่วนใหญ่ คิดเป็นประมาณ 40% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
บริษัทที่ใช้ระบบติดตาม GPS ที่มีคุณภาพพบว่า ต้นทุนน้ำมันของรถใช้งานลดลงถึง 30% โดยเกิดจากการใช้ข้อมูลจากระบบฯ เปรียบเทียบเส้นทางต่างๆ และลักษณะการใช้งาน ผู้จัดการรถสามารถปรับปรุงการใช้เชื้อเพลิงและลดการสิ้นเปลือง ปรับการใช้ความเร็วของรถให้อยู่ในระดับที่ถูกต้อง และลดการจอดแช่ติดเครื่อง (idling) ด้วย
ความแม่นยำของระบบ GPS ติดตาม ขึ้นอยู่กับอะไร?
ความแม่นยำของระบบติดตาม GPS ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หลักก็เช่น
1. ตำแหน่งและการมองเห็นของดาวเทียม
เครื่องรับสัญญาณ GPS ต้องการทัศนวิสัยที่โล่งแจ้งเพื่อติดต่อไปยังดาวเทียมอย่างน้อย 4 ดวง ได้อย่างชัดเจนเพื่อระบุตำแหน่งของตนเอง
2. คุณภาพสัญญาณ
คุณภาพของสัญญาณที่ส่งโดยดาวเทียมอาจได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น สภาพอากาศและสัญญาณรบกวนที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ความคลาดเคลื่อนในการหาตำแหน่งได้
3. สัญญาณรบกวนหรือการรบกวนคลื่นวิทยุ
แหล่งกำเนิดสัญญาณรบกวนวิทยุภายนอก เช่น เสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ อาจทำให้สัญญาณล่าช้า
รถใช้งานของคุณมีประสิทธิภาพดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดด้วย Cartrack
ติดตามภาพรวมรถใช้งานทั้งหมดของคุณได้อย่างครอบคลุมด้วยระบบติดตาม GPS แบบเรียลไทม์ของ Cartrack ที่มีอุปกรณ์ติดตาม สัญญาณจากดาวเทียม และสัญญาณต่างๆ เพื่อระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่แน่นอนและประวัติการเดินทางของรถ
- เพิ่มประสิทธิภาพเส้นทาง: เทคโนโลยีติดตาม GPS ของ Cartrack ช่วยให้ติดตามยานพาหนะได้อย่างแม่นยำ จึงสามารถปรับปรุงเส้นทางให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มผลผลิตเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดน้ำมันโดยการลดเวลาจอดแช่ติดเครื่อง (idling time) และลดต้นทุนการดำเนินงาน
ช่วยตรวจสอบและปรับเปลี่ยนเส้นทางแบบเรียลไทม์ หลีกเลี่ยงสภาพการจราจรติดขัดหรืออุบัติเหตุได้ดีกว่า ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถรักษาเวลาการส่งมอบสินค้าและยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า
- เข้าถึงประวัติการเดินทางทั้งหมดของรถคุณ: เข้าถึงรายงานละเอียดจากแพลตฟอร์มจัดการรถ Cartrack เพื่อดูว่าผู้ขับขี่ของคุณทำอะไรบ้าง โดยรายงานจะแสดงข้อมูลต่างๆ เช่น เวลาเดินเครื่องเปล่า ระดับน้ำมัน การวินิจฉัยเครื่องยนต์ และอื่นๆ อีกมากมาย
การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ ผู้จัดการรถจะสามารถคิดหาวิธีลดเวลาจอดแช่ติดเครื่อง ปรับปรุงเส้นทางการเดินทาง และปรับปรุงพฤติกรรมการขับขี่ ซึ่งนำไปสู่ประสิทธิภาพโดยรวมที่เพิ่มขึ้น
- เสริมความปลอดภัยที่เหนือชั้น: Cartrack ให้ข้อมูลอัพเดทตำแหน่งแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อสถานการณ์โจรกรรมรถ
นอกจากนี้ยังมีบริการกู้คืนรถ (Stolen Vehicle Recovery service) ที่เชี่ยวชาญในการติดตาม GPS เพื่อค้นหาและนำรถคืน อัตราการกู้คืนรถที่ถูกขโมยสูงกว่า 98% เมื่อเทียบกับระบบทั่วไปที่ 10% ช่วยเพิ่มโอกาสในการปกป้องรถของคุณcojovo
- ติดตามการใช้งานรถด้วย Geofencing: ฟีเจอร์ Geofencing ของ Cartrack สร้างกรอบพื้นที่ในแผนที่ เพื่อควบคุมให้รถใช้งานอยู่ในพื้นที่หรือห้ามเข้าเขตพื้นที่ที่กำหนด
โดยผู้จัดการยานพาหนะจะได้รับการแจ้งเตือนผ่าน LINE, SMS หรืออีเมล เมื่อรถเข้าหรือออกจากเขตที่กำหนดไว้ ซึ่งช่วยควบคุมการใช้รถและเพิ่มความปลอดภัยให้กับรถใช้งานทุกคันได้จริง
สนใจระบบติดตามรถและเครื่องจักรแบบคุณภาพสูง Cartrack สอบถามได้ที่ 021362920 , 021362921 วันจันทร์ถึงศุกร์ ในเวลาทำการ หรือคลิกทักไลน์ที่นี่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด