7 สัญญาณ ที่บอกว่า “รถใช้งาน” ของคุณถึงเวลาปลดประจำการแล้ว!

รู้ไหมว่า อายุการใช้งานรถที่ยาวนานเกินไป อาจส่งผลให้คุณมีค่าบำรุงรักษารถสูงมากกว่าที่ควรเป็น และเมื่อคำนวณแล้วยังไม่คุ้มค่า หากต้องการขายรถต่อในอนาคต แต่หากเปลี่ยนรถใช้งานไว ซื้อรถคันใหม่มาแทนเร็วเกิน ก็อาจเปลืองเงินโดยใช่เหตุเช่นกัน

ถ้าอย่างนั้น แล้วเมื่อไหร่ล่ะ คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเปลี่ยนรถใหม่ของคุณ?

บทความคาร์แทรคตอนนี้ ชวนดู 7 สัญญาณสำคัญ ที่บอกว่า รถใช้งานของคุณถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนคันใหม่หรือปลดประจำการ เพื่อให้รถใช้งานเป็นประโยชน์สำหรับคุณและธุรกิจที่แท้จริง ไม่ใช่ภาระแฝงก้อนโตที่คุณไม่รู้ตัว

‍

ทำไมการวางแผนซื้อรถใหม่มาทดแทนคันเก่า จึงเป็นเรื่องดี?

1. ลดงานซ่อมครั้งใหญ่: เมื่อคุณทดแทนรถในเวลาที่เหมาะสม จะป้องกันค่าบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมให้ไม่มากเกินไป และลดความเสี่ยงงานซ่อมครั้งใหญ่และช่วงเวลาที่ไม่สามารถใช้รถได้ ที่ทำให้ธุรกิจขาดรายได้
   ‍
2. รถมีฟังก์ชันใช้งานมากขึ้น: รถใหม่มักมีเทคโนโลยีล่าสุด ที่เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น เช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติหรือสัญญาณเตือนในห้องโดยสาร
   ‍
3. ประหยัดน้ำมัน: เพราะเครื่องยนต์จากรถที่ใช้งานมาระยะเวลาหนึ่งมักกินน้ำมันมากกว่าปกติ เนื่องจากสภาพเครื่องยนต์ที่ทรุดโทรมลง
   ‍
4. ขายต่อได้ราคาดี: ด้วยแผนการเปลี่ยนรถที่ถูกต้องตามสภาพรถที่แท้จริง รถใช้งานจึงอยู่ในสภาพที่ดี ซึ่งช่วยให้ขายรถได้ในราคาที่ดีกว่า
   ‍
5. คนขับที่ปลอดภัยและมีความสุขในการทำงาน: การดูแลยานพาหนะและการขนส่งให้อยู่ในสภาพดีแสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจถึงสวัสดิภาพและสภาพแวดล้อมการทำงานของคนขับ

ซึ่งจะช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจคนทำงาน ความสุขในการทำงาน ที่นำไปสู่การทำงานที่มีคุณภาพ

‍

วิธีคำนวณระยะเวลาการใช้รถ และการซื้อรถใหม่ทดแทน

ปีที่ 0: รวบรวมข้อมูลราคาซื้อครั้งแรก ต้นทุนคงที่ ภาษีและค่าใบอนุญาตที่มาพร้อมกับรถ จากนั้นบันทึกระยะทางในวันแรก ค่าบำรุงรักษา และค่าน้ำมันรถ หากรถที่ได้มาไม่ใช่รถใหม่มือหนึ่ง

ปีที่ 1: บันทึกระยะทางในประจำวัน และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีแรก เพื่อให้เห็นภาพการใช้รถทั้งหมด ระบบติดตามและจัดการยานพาหนะ Cartrack สามารถคำนวณค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดของรถ หรือค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการใช้งานของรถและค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตร

โดยทั่วไป ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการใช้รถ คิดเป็นประมาณ 40% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดในธุรกิจ 

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการใช้รถแบ่งออกเป็น ค่าซื้อรถในตอนแรก ค่าเสื่อมราคาของรถ ประกัน ค่าทะเบียนรถ ค่าใบอนุญาตรถ เงินกู้ซื้อรถ และค่าน้ำมันรถที่คิดเป็นประมาณ 15% - 30% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรถ

นั่นคือสาเหตุว่าทำไมคุณต้องบันทึกข้อมูลนี้ตั้งแต่วันแรก เพราะมันช่วยให้คุณเห็นได้ชัดเจนว่าค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถไปถึงจุดไหนแล้ว

ปีที่ 2 และต่อไป: รวบรวมข้อมูลระยะทางและค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรถ และคุณสามารถเริ่มวัดมูลค่ารวมของทรัพย์สิน ที่มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ อย่างมีนัยยะสำคัญในทุกๆ ปีจากนี้

‍

‍

7 สัญญาณ ที่บอกว่า คุณควรเปลี่ยน “รถใช้งาน” คันใหม่ได้แล้ว

1. ซ่อมแล้วซ่อมอีก: ถ้ารถเสียบ่อยและต้องซ่อมบ่อยครั้ง การมีรถคันนั้นไว้ใช้งานอาจไม่คุ้มค่าอีกต่อไป
   ‍
2. รถกินน้ำมันมากผิดปกติ: โดยเฉลี่ย รถคันนึงจะกินน้ำมันประมาณ 30 ถึง 40 ลิตรต่อการขับขี่ทุกๆ 99 กิโลเมตร
   
   และน้ำมันรถเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่สุดก้อนหนึ่งของธุรกิจ และค่าน้ำมันมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงเป็นความคิดที่ดีกว่าที่จะใช้รถที่ประหยัดน้ำมันได้มากกว่านี้ในระยะยาว
   ‍
3. ขับขี่มามากกว่า 100,000 กม.: รถที่มีมากกว่า 100,000 กม. อาจถือว่าเป็น "ครึ่งทาง" ของอายุขัยของรถแล้ว
   
   หลังจากนั้น จะเป็นจุดที่ค่าซ่อมบำรุงรถเพิ่มขึ้น แต่นอกจากนี้ก็ควรพิจารณาปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น สภาพที่แท้จริงของรถ ประวัติการซ่อมบำรุง และบันทึกการซ่อมบำรุงด้วย
   ‍
4. ตัวรถมีอายุมาก: แม้ว่ารถจะถูกใช้งานเป็นระยะทางไม่มากเท่าไหร่นัก แต่รถมีอายุ 5 ปีหรือมากกว่านั้นก็ควรคิดเรื่องซื้อใหม่ เพราะส่วนใหญ่ประกันรถจะหมดอายุแล้วและค่าซ่อมบำรุงที่จะเพิ่มขึ้น
   ‍
5. คนขับไม่แฮปปี้: คนขับรถของคุณจะเป็นคนแรกและคนที่น่าเชื่อถือที่สุดที่จะให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพของรถได้ พวกเขาสามารถบอกถึงความพอใจหรือความกังวลเกี่ยวกับการใช้รถ หากรถอยู่ในสภาพที่ไม่ดี คนขับรถก็อาจรู้สึกไม่สบายใจที่จะใช้รถ ที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้
   ‍
6. เทคโนโลยีล้าหลัง: เทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยให้รถของคุณทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้พนักงานและสินค้าของคุณปลอดภัยเพิ่ม
   
   เทคโนโลยีเหล่านี้ เช่น ระบบติดตามรถบรรทุก ที่ GPS ที่ช่วยนำทางและติดตามรถและคนขับรถ เพื่อการขนส่งที่ปลอดภัย กล้องติดรถและเซนเซอร์เสริมความปลอดภัย
   ‍
7. สภาพของรถ: หากรถบรรทุกหรือรถขนส่งอยู่ในสภาพผุพัง และรถมีโลโก้ของบริษัทของคุณอยู่ นอกจากเสี่ยงต่อการพังกะทันหัน รถสภาพโทรมๆ ก็เป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่ขององค์กรด้วย เรียกได้ว่าใช้ได้ไม่คุ้มเสียเลย

‍

5 เคล็ดลับ อัพเกรดรถคันใหม่ที่ง่ายและไม่พลาด

1. มีแผน

วางแผนให้ดี ไม่ต้องรีบร้อน ควรนึกถึงรถและการใช้งานว่าเข้ากันหรือไม่ ให้แน่ใจว่าตรงตามความต้องการของธุรกิจและสภาพการใช้งานจริง

2. ราคาซื้อรถใหม่และขายรถคันเก่า

มูลค่าของรถของคุณเริ่มลดลงทันทีที่คุณขับออกจากโชว์รูมคุณควรเปรียบเทียบราคาซื้อกับค่าใช้จ่ายในระยะยาวตามอัตราเงินเฟ้อ

ค่ารถที่ถูกมากอาจไม่คุ้มนัก หากรถคันนั้นจะมาพร้อมกับการซ่อมบำรุงและการพังเสียหายบ่อย แต่หากรถมีราคาสูงมากเกินไป ก็อาจจะไม่คุ้มค่าหรือไม่จำเป็น 

และเมื่อถึงเวลาที่ต้องขายรถคันเดิม ควรดูราคาตลาด เพื่อให้สามารถขายรถได้ในราคาที่เหมาะสม และขายออกได้ไว

3. ค้นหาแหล่งเงินกู้ซื้อรถหลายๆ ที่

เพื่อให้ได้ตัวเลือกแหล่งเงินทุนที่ดีที่สุด เช่น ดอกเบี้ยราคาถูก โปรโมชันที่ดีกว่า

4. ประวัติการบำรุงรักษาและการซ่อมบำรุง

หากรถที่ซื้อเป็นรถมือสอง ควรดูประวัติการส่งรถเข้าศูนย์เพื่อซ่อมบำรุงหรือบำรุงรักษาตามปกติ เพื่อดูว่าสภาพรถที่แท้จริงของรถที่ต้องการจะซื้อเป็นอย่างไร 

มีแนวโน้มเสียบ่อยไหม เพราะหากเสียบ่อย แม้จะอยู่ในสภาพดี แต่อาจไม่คุ้มค่าที่จะซื้อมาใช้งานก็เป็นได้

5. ดูค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง

เช่น ค่าบำรุงรักษารถ เพราะรถบางยี่ห้ออาจมีอะไหล่ที่หายาก ประกัน ภาษี หรือราคาขายในอนาคต ว่าเป็นรถที่ขายต่อได้ในราคาดีหรือไม่

‍

‍

เครื่องมือที่บอกได้อย่างแม่นยำว่าธุรกิจใช้รถคุ้มค่าที่สุดแล้วหรือยัง

ไม่ต้องเดาหรือต้องจดจำทุกอย่างด้วยตัวเอง ที่เสี่ยงต่องานพลาด (Human Error) ด้วยระบบติดตามรถและบริหารจัดการยานพาหนะ Cartrack ที่ช่วยเก็บและบันทึกข้อมูลรถตลอดอายุการใช้งาน

• ติดตามและแจ้งเตือนการซ่อมบำรุง: Cartrack ติดตามและบันทึกการใช้รถ และแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ควรซ่อมบำรุง หรือสภาพเครื่องยนต์ที่ควรซ่อมบำรุง ช่วยให้คุณไม่พลาดการดูแลรถ โดยที่ไม่ต้องนั่งติดตามด้วยตัวเอง
  ‍
• รู้อัตราการใช้งานที่แท้จริง: Cartrack ติดตามการใช้งานและขีดความสามารถของรถว่าใช้งานน้อยเกินไป รถยังจำเป็นต้องใช้งานหรือไม่ ถ้าไม่ การขายต่อจะมีประโยชน์มากกว่าหรือเปล่า
  
  หรือใช้รถบางคันมากเกินไป ควรกระจายงานขนส่งให้รถคันอื่นมากขึ้นหรือไม่ หรือควรซื้อรถประเภทนี้มาเพิ่ม เพราะอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า รถประเภทนี้เป็นรถที่จำเป็นต่อการใช้งาน แต่รถมีปริมาณไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับงานขนส่ง
  ‍
• มีรายงานการใช้น้ำมันที่ชัดเจน: Cartrack ติดตามได้ว่า รถใช้น้ำมันอย่างถูกต้องหรือไม่ เครื่องยนต์มีปัญหากินน้ำมันมากเกินไปหรือเปล่า หรือมีปัญหาการใช้น้ำมันอื่นๆ เช่น ขับขี่แบบสิ้นเปลืองน้ำมันเพราะชอบจอดแช่ติดเครื่องหรือใช้ความเร็วมากเกิน
  
  หรือแม้แต่ถูกขโมยน้ำมันไปขาย เบิกค่าน้ำมันเกินจริง Cartrack สามารถแจ้งเตือนความผิดปกติเกี่ยวกับการใช้รถและใช้น้ำมันเข้าสู่ระบบหลังบ้านได้แบบอัตโนมัติ

‍

การซื้อรถคันใหม่เพื่อใช้ทดแทนคันเดิม อาจเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ แต่เมื่อประเมินจากค่าใช้จ่ายระยะยาวและความเสี่ยงต่างๆ คุณอาจจะพบว่า การซื้อรถคันใหม่เป็นวิธีที่คุ้มค่ามากกว่า 

แต่ทั้งนีั้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลการใช้รถที่คุณสามารถรวบรวมมาเพื่อประเมินข้อดีข้อเสียได้ ซึ่งระบบติดตามและบริหารจัดการรถที่แม่นยำ สามารถช่วยตอบโจทย์การรวบรวมข้อมูลที่สำคัญข้อนี้มาให้คุณได้

หากธุรกิจไหนสนใจหรือต้องการข้อมูลการซื้อหรือคำแนะนำการใช้งาน GPS ติดตามรถ ที่เหมาะสมกับรถของคุณเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น GPS ติดตามการใช้งานรถ หรือ GPS ตรวจสอบน้ำมัน GPS รถบรรทุก หรือเครื่องจักรที่ต้องการติดตามการใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจ 

คุณสามารถโทรสอบถามเจ้าหน้าที่ได้โดยตรงที่ 021362920 , 021362921 ในวันจันทร์ถึงศุกร์ช่วงเวลาทำการ หรือคลิกติดต่อ LINE ที่นี่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ Cartrack ติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด