อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ให้เห็นประจำ คงหนีไม่พ้นเหตุการณ์ยางแตกหรือยางระเบิดเป็นแน่ โดยเฉพาะกับรถใหญ่อย่างยางของรถบรรทุก สิบล้อ หรือรถพ่วง ไปจนถึงรถเล็กอย่างรถยนต์ นี่นับเป็นเหตุการณ์ที่อันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะหากเกิดยางระเบิดในขณะที่ขับรถด้วยความเร็วสูงมาก ๆ อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้
สาเหตุที่ทำให้เกิดยางระเบิดนั้นมีอะไรบ้าง และต้องปฏิบัติรับมืออย่างไร คาร์แทรค ในฐานะผู้ให้บริการระบบ GPS ติดรถ สำหรับติดตามและจัดการดูแลยานพาหนะ จะมาแนะนำเทคนิคที่น่าสนใจให้คุณได้ทราบกัน
เมื่อพูดถึงยางระเบิด หลายคนคงเข้าใจว่าเกิดจากการใช้งานจนยางสึกหรอ เสื่อมสภาพ หรือเกิดจากสภาพอากาศ อุณหภูมิที่สูงจัด ส่งผลให้เกิดปัญหายางระเบิด แต่จริง ๆ แล้วนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะปัญหายางระเบิดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น
*ยางเปอร์เซ็นต์ หมายถึงยางที่ใช้งานแล้ว โดยร้านค้าหรือร้านยางจะซื้อต่อมาจากผู้ที่มาเปลี่ยนยางใหม่ จำนวนเปอร์เซ็นต์มากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับความสึกของดอกยาง ซึ่งหากดอกยางตื้นมาก ๆ ก็ไม่ควรใช้ต่อไป เพราะจะทำให้อันตรายมาก หากไม่มีดอกยางหรือลายยางมากพอที่จะรีดน้ำออกได้ขณะที่ขับตอนฝนตก ทำให้ยางไม่เกาะถนนและลื่นไถลได้ง่ายเมื่อทำการเบรก
ร้านยางหรือร้านปะยางต่าง ๆ จะนำยางที่หมดดอกหรือลายยางแล้วมาแกะลายเพิ่มเพื่อขายในราคาถูก ถ้าเราไปซื้อมาใช้งาน อาจจะทำให้เกิดยางระเบิดได้ง่าย
แนะนำวิธีการสังเกตก่อนเลือกซื้อยางคือ ให้สังเกตที่สะพานยาง ซึ่งเป็นจุดหรือรูที่ใช้วัดความเสื่อมสภาพของดอกยาง หากสังเกตไม่พบสะพานยางที่เนื้อล้อ อาจเป็นไปได้ว่าร้านนำยางเก่ามาย้อมขายใหม่
ในขณะที่เราขับรถอยู่นั้น เราจะรู้สึกถึงอาการสั่นแปลก ๆ ของพวงมาลัยและทำให้บังคับรถได้ยาก ยิ่งโดยเฉพาะในขณะที่ทำการเลี้ยว นั่นไม่ใช่ปัญหาที่ช่วงล่าง ศูนย์ล้อ หรือการถ่วงล้อแต่อย่างใด ยิ่งหากช่วงที่ขับออกมาแรก ๆ ไม่มีอาการใด นี่อาจเป็นสัญญาณที่บอกเราว่า ยางรถเริ่มมีอาการบวมและพร้อมจะระเบิดแล้ว
สิ่งที่ควรทำทันทีคือชะลอความเร็วลง และนำรถจอดข้างทางหรือบริเวณที่ปลอดภัย และรีบตรวจสอบสภาพของยางในทันที ส่วนมากจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่ายางจะมีอาการร้อนจัด และรู้สึกได้ว่าบวมขึ้นเนื่องจากยางเริ่มเสื่อมสภาพ
ข้อสังเกตเมื่อเกิดเหตุยางระเบิด คือ หากล้อระเบิดทางด้านซ้าย (ไม่ว่าจะหน้าหรือหลังก็ตาม) รถจะแฉลบไปทางซ้ายก่อน และสะบัดกลับ ไปมาซ้ายขวาสลับกัน และจะอันตรายมากหากระเบิดทางด้านขวา เพราะเป็นฝั่งที่อันตราย
หากยางรถเกิดการระเบิดในขณะที่ใช้ความเร็วสูงมาก ๆ รถจะเสียทรงและทำให้รถกลิ้งทันที (คล้ายคนทำม้วนหน้าเพื่อตีลังกา) และไม่สามารถควบคุมได้
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ควรเลือกใช้ยางที่มีคุณภาพ และไม่ใช้ยางซ้ำ รวมไปถึงใช้ความเร็วที่เหมาะสมไม่เร็วจนเกินไป หรืออย่างเร็วสุดในรถบรรทุก หรือรถกระบะที่บรรทุกของหนัก การวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ร้ายแรงที่ใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น
นอกจากการเลือกใช้ยางรถที่มีคุณภาพ และใช้งานยางรถให้ถูกวิธีเพื่อรักษาให้ใช้งานได้นานแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่เข้าของรถสามารถทำได้ก็คือ การหมั่นนำรถเข้าตรวจสอบและซ่อมบำรุงอยู่เป็นประจำ หรือก่อนเดินทางไกล เปลี่ยนอะไหล่เมื่อถึงขีดจำกัดการใช้งาน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดยางระเบิดได้
โดยหากคุณเป็นหนึ่งคนที่ทำธุรกิจใช้รถ มีรถในความดูแลเป็นจำนวนมาก การมีเครื่องมือที่ช่วยแจ้งเตือนเมื่อถึงรอบซ่อมบำรุงจะช่วยลดความเสี่ยงให้ได้มาทีเดียว
มาดูแลรถด้วยระบบ GPS ติดรถจาก CARTRACK ดูแลรถบรรทุก รถยนต์ รถขนส่งในธุรกิจโลจิสติกส์ ติดตามการใช้งานรถ ตำแหน่ง พฤติกรรมคนขับ รวมถึงสามารถตั้งแจ้งเตือนกิจกรรม กำหนดวันที่จะนำรถแต่ละคันเข้าอู่ซ่อมบำรุงได้ ไม่ว่าจะกี่สิบหรือกี่ร้อยคัน คนเดียวก็ดูแลไหว
สนใจสอบถามราคาหรือรายละเอียดการทำงานเพิ่มเติมโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ CARTRACK คลิกทดลองใช้ฟรี เพื่อกรอกข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ หรือโทร 02-136-2920 , 02-136-2921 ได้ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.30 น.
พิเศษ! โปรโมชันสำหรับลูกค้าคนสำคัญเช่นคุณ รับเลยทันที โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดรถบรรทุก GPS ติดตามรถ จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ติดตาม Cartrack (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที
ยางระเบิด เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง มาดูวิธีรับมือเมื่อรถยางระเบิด และแนะนำติดตั้ง GPS ติดรถ แจ้งเตือนซ่อมบำรุงตามรอบ ช่วยป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงได้